สงครามอิสราเอล-กาซา กลายเป็นหนึ่งในความขัดแย้งครั้งสำคัญที่โลกกำลังเผชิญ แม้จะมีจุดเริ่มต้นที่คนทั่วไปต่างนึกถึง คือ เหตุการณ์ฮามาสบุกอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ทว่ารอยร้าวระหว่างคนสองชาติ กลับกินเวลานานร่วม 7 ทศวรรษ โดยที่ขณะนี้ สถานการณ์อยู่ในจุดที่นานาชาติต่างลงความเห็นร่วมกันว่า นี่คือ ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’
ท่ามกลางความเลวร้ายที่เปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองโลก และสร้างวิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่หน้าประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มีความพยายามจุดประกายข้อตกลงสันติภาพให้เกิดขึ้น นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่วางเป็นตัว ‘ผู้ไกล่เกลี่ย’ ด้วยการนำเสนอแผนสันติภาพ 20 ข้อ ที่ระบุว่า หากคู่ขัดแย้งสองฝ่ายยอมรับ สงครามจะจบได้ทันที
THE STANDARD ชวนทุกคนสำรวจภาพรวม 2 ปีของสงคราม ความเป็นไปได้ของแผนสันติภาพ และบทบาทของไทยในความขัดแย้งในครั้งนี้
ภาพรวม 2 ปี จาก ‘สงคราม’ สู่ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’
ผศ. ดร. มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง และอาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิเคราะห์ภาพรวมสงครามอิสราเอล-กาซาตลอดทั้ง 2 ปีที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ปัจจุบันกำลังอยู่ในจุดเลวร้ายมากที่สุด คือ เหตุการณ์ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ (Genocide) ชาวปาเลสไตน์ สะท้อนจากนานาชาติที่เริ่มส่งเสียงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สมาคมนักวิชาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นานาชาติ (International Association of Genocide Scholars: IAGS) เปิดเผยรายงานพิเศษว่า อิสราเอลกำลังละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปี 1948 และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crime against Humanity), อาชญากรรมสงคราม (War Crimes) โดยประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามกาซา ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานจำนวนผู้เสียชีวิต การทำลายล้างชุมชน อาคารบ้านเรือน โบสถ์ โรงเรียน และมัสยิด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นมา
ขณะที่ล่าสุด คณะกรรมการสอบสวนของ UN เปิดเผยรายงานชุดใหม่ว่า อิสราเอลจงใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยนาวี พิลเลย์ (Navi Pillay) หัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนดินแดนปาเลสไตน์ และอดีตอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) ซึ่งเคยทำคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดา มองว่าทั้ง 2 คดีมีความคล้ายคลึงกันมาก
นอกจากนี้ อิสราเอลยังเผชิญแรงกดดันจากศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) ที่ออกหมายจับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี และโยอัฟ แกลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ในความผิดฐานอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ผศ. ดร. มาโนชญ์มองว่า อิสราเอลใช้ ‘การอดอาหาร’ เป็นอาวุธ คือ การทำให้ผู้คนในกาซาเผชิญความหิวโหย จนเกิดภาวะทุพโภชนาการ โดย WHO ระบุในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า ชาวกาซาครึ่งล้านกำลังเผชิญกับภาวะอดอยาก และเสียชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งประเมินจากมาตรวัด IPC (Integrated Food Security Phase Classification)
คาดการณ์ได้ว่า ภาวะดังกล่าวกำลังขยายไปจากเมืองอื่นๆ ได้แก่ เดียร์ อัล บาลาห์ (Deir Al Balah) และข่าน ยูนิส (Khan Younis) ภายในไม่กี่สัปดาห์
ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางวิเคราะห์ต่อว่า จากปรากฏการณ์ข้างต้นนำมาสู่วิกฤตการณ์ทางมนุษยธรรม เมื่อกลไกของ UN ในการยุติสงคราม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้กลุ่มภาคประชาชนตัดสินใจทำหน้าที่แทน เช่น การตั้งกองเรือซูมูดเพื่อมนุษยธรรม ที่มีเกรตา ธันเบิร์ก และนักเคลื่อนไหวอีก 170 คน หวังส่งอาหารและยาเข้าไปในกาซา แต่ถูกอิสราเอลสกัด จับกุม ซึ่งบางส่วนถูกเนรเทศไปยังตุรกี และกรีซ
ผศ. ดร. มาโนชญ์ระบุว่า ท่าทีของอิสราเอลทำให้ประเทศถูกประณามจากคนทั้งโลก และถูกทิ้งให้ ‘โดดเดี่ยว’ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งในท้ายที่สุด แรงกดดันดังกล่าวเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งทำให้อิสราเอลต้องกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาด้วย
แผนสันติภาพของทรัมป์ได้ผลจริงไหม?
ในช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์ และ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ตกลงจัดทำแผนสันติภาพ 20 ข้อ พร้อมกดดันให้กลุ่มฮามาสยอมรับข้อตกลง และยืนยันว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นในตะวันออกกลางอย่างแน่นอน
อธิบายให้เห็นภาพเบื้องต้น แผนสันติภาพ 20 ข้อของทรัมป์ มีใจความสำคัญ คือ หากคู่ขัดแย้ง คือ อิสราเอลกับฮามาสยอมรับ สงครามจะจบทันที ตัวประกันจะถูกปล่อย กาซาจะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขณะที่ยังพูดถึงขั้นตอน ‘การเปลี่ยนผ่านกาซา’ ที่ต้องเป็นเขตปลอดภัย ได้รับการพัฒนาใหม่ และอยู่ในการดูแลของคณะกรรมการสันติภาพ (Board of Peace) ที่เป็นหน่วยงานระหว่างประเทศ โดยมีชื่อของทรัมป์ และ โทนี แบลร์ (Tony Blair) อดีตนายกฯ สหราชอาณาจักร เป็นหนึ่งในสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ผศ. ดร. มาโนชญ์มองว่า ข้อตกลงดังกล่าวมุ่งเน้นไปประเด็นการหยุดยิง มากกว่าเสนอวิธีแก้ไขปัญหาอย่างถาวรและยุติธรรม จนถึงขั้นที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย โดยตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอของทรัมป์ไม่ได้พูดถึงการตั้งรัฐปาเลสไตน์ หรือการยุติการปิดล้อมฉนวนกาซาของอิสราเอลอย่างถาวร แต่กลับเน้นไปที่การปลดอาวุธของกลุ่มฮามาส บทบาทของกลุ่มเทคโนแครตที่เข้ามาปกครองกาซา การแลกเปลี่ยนตัวประกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำอิสราเอลพึงพอใจมาก
“เพราะฉะนั้น แผนข้อเสนอของทรัมป์ 20 ข้อ จึงไม่ได้รับการยอมรับได้นัก โดยเฉพาะชาวปาเลสไตน์ไม่ได้ชอบแผนของทรัมป์เท่าไร” ผู้เชี่ยวชาญการเมืองตะวันออกกลางยังย้ำว่า แม้ข้อตกลงของทรัมป์อาจนำไปสู่การหยุดยิง แต่ไม่ได้รับประกันว่า จะมีหลายสิ่งในแผนเกิดขึ้นหลังจากนั้น
สำหรับประเด็นการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ผศ. ดร. มาโนชญ์วิเคราะห์ว่า เป็นการเกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจากภายนอก มากกว่าความต้องการของคู่ขัดแย้งจริงๆ โดยแบ่งเป็น 2 ปัจจัยที่เห็นได้ คือ การกดดันจากภาคประชาสังคม เช่น กองเรือซูมูด หรือการประท้วงของชาติตะวันตก รวมถึงบทบาทของทรัมป์ที่ ‘กดดัน’ อิสราเอลทางอ้อม เห็นได้ชัดจากกรณีอิสราเอลโจมตีกาตาร์ ซึ่งสหรัฐฯ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการไม่ลงคะแนนเสียงยับยั้ง (Veto) มติประณามการโจมตีกาตาร์ของอิสราเอลใน UN
“ปกติแล้ว สหรัฐฯ จะใช้สิทธิในการยับยั้งมติที่ประณามอิสราเอลทุกครั้ง แต่ครั้งนี้อเมริกาปล่อยผ่าน นั่นแปลว่า สหรัฐฯ กังวลกับผลที่จะตามมา เช่น กาตาร์ตีตัวออกห่างไปหาจีน รัสเซีย ซึ่งลดอิทธิพลของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางลง”
ผศ. ดร. มาโนชญ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่ทรัมป์กดดันฮามาสให้ยอมรับข้อตกลง โดยขู่กวาดล้าง และกำจัดให้สิ้นซาก ในอีกนัยหนึ่งเท่ากับว่า ผู้นำสหรัฐฯ ก็กำลังกดดันให้อิสราเอลยอมรับข้อตกลงด้วยเช่นกัน ซึ่งทรัมป์เชื่อว่า จะเป็นผลดีกับประเทศมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการเมืองภายในอย่าง ‘คดีทุจริต’ ของเนทันยาฮู อาจทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งจะเห็นได้ว่า เขาพยายามหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี ด้วยการถ่วงเวลาให้สงครามยืดเยื้อไปนานที่สุด เพื่อที่จะได้นั่งเก้าอี้ผู้นำต่อไปได้เรื่อยๆ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางมองว่า ฮามาสก็รับข้อเสนอทรัมป์อย่างมีชั้นเชิง กล่าวคือ รับเป็นบางส่วน ไม่ได้ปฏิเสธทั้งหมด เช่น ยอมรับเรื่องการแลกเปลี่ยนตัวประกัน แต่ไม่ได้ยอมปลดอาวุธ หรือยุติบทบาทในกาซาหลังจากนี้
ไทยควรวางบทบาทอย่างไรต่อสงครามกาซา?
สำหรับประเด็นบทบาทไทยในสงครามอิสราเอล-กาซา ผศ. ดร. มาโนชญ์มองว่า ไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ส่วนหนึ่งเพราะแรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งขณะนี้ ท่าทีของรัฐบาลไทยมีความเป็นอิสระขึ้น เพราะได้ตัวประกันกลับมาแล้ว เห็นได้จากการแสดงท่าทีประณามกรณีอิสราเอลโจมตีกาตาร์
อย่างไรก็ดี ไทยก็ยังสานสัมพันธ์กับอิสราเอลในทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องแรงงานต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญตะวันออกกลางตั้งข้อสังเกตว่า ไทยควรระวังในประเด็นดังกล่าวให้มาก เพราะกระแสต่อต้านอิสราเอลทั่วโลกรุนแรง โดยเฉพาะโลกตะวันตก ซึ่งมีการนัดประท้วงหยุดงาน และคว่ำบาตรทำการค้า
ดังนั้น หนึ่งในความท้าทายของรัฐบาลใหม่และกระทรวงการต่างประเทศ คือ การระมัดระวังท่าทีการแสดงออกมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องนโยบายวางตัวเป็นกลาง แสดงบทบาทนำเรื่องสิทธิมนุษยชน และสันติภาพ
ผศ. ดร. มาโนชญ์ยังทิ้งท้ายว่า อีกหนึ่งประเด็นที่รัฐบาลควรให้ความสนใจ คือ การหลั่งไหลเข้ามาของชาวอิสราเอลในภูเก็ต เกาะพะงัน และสุราษฎร์ธานี ที่หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร และกำลังมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับคนในพื้นที่
แฟ้มภาพ: Wirestock Creators / Shutterstock
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/world/middle-east/icc-judges-reject-israels-request-withdraw-netanyahu-arrest-warrant-2025-07-16/
- https://www.who.int/news/item/22-08-2025-famine-confirmed-for-first-time-in-gaza
- https://www.reuters.com/world/middle-east/un-inquiry-finds-top-israeli-officials-incited-genocide-gaza-2025-09-16/