ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) คนใหม่ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบัน ชัยชนะในครั้งนี้ของทาคาอิจิ ทำให้เธอมีโอกาสสูงมากที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองญี่ปุ่น ด้วยการเตรียมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น หากรัฐสภามีมติรับรองในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
ซานาเอะ ทาคาอิจิ คือใคร
ทาคาอิจิเกิดและเติบโตที่จังหวัดนาราเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 1961 พ่อของเธอเป็นพนักงานบริษัทยานยนต์และแม่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมในนาราแล้ว เธอสอบผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะในกรุงโตเกียว แต่พ่อแม่ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเทอมให้ หากเธอเลือกเรียนไกลบ้าน หรือเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน ทั้งยังกังวลเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากเธอเป็นผู้หญิง ทาคาอิจิจึงเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยโกเบซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงแทน โดยใช้เวลาเดินทางไป-กลับไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
ก่อนเข้าสู่แวดวงการเมือง เธอเคยเป็นมือกลองเฮฟวีเมทัล เธอหลงใหลการดำน้ำและชื่นชอบรถยนต์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ทาคาอิจิยังเคยทำงานเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ในช่วงเวลาสั้นๆ อีกด้วย
แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินหน้าสู่สนามการเมืองเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นทวีความรุนแรง โดยหลังจากที่เธอเข้าศึกษาต่อที่สถาบันมัตสึชิตะเพื่อการบริหารและการจัดการ (MIGM) ซึ่งเป็นสถาบันที่เน้นการพัฒนาผู้นำทางการเมืองในอนาคต เธอตัดสินใจเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในปี 1987 เพื่อทำงานในสำนักงานของแพทริเซีย ชโรเดอร์ สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของญี่ปุ่นอย่างตรงไปตรงมา เพื่อทำความเข้าใจมุมมองของสหรัฐฯ ต่อญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น
เมื่อเส้นทางการเมืองเริ่มต้นขึ้น
ทาคาอิจิลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งแรกในปี 1992 ในนามผู้สมัครอิสระ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เธอไม่ละทิ้งความพยายามในเส้นทางการเมือง จนในปี 1996 เธอชนะการเลือกตั้งและเข้าเป็นสมาชิกพรรค LDP นับตั้งแต่นั้นเธอได้รับเลือกตั้งเป็น สส. มาแล้วถึง 10 สมัย โดยแพ้การเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว เธอสร้างชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในนักการเมืองสายอนุรักษนิยม (ฝ่ายขวา) ที่มักแสดงจุดยืนชัดเจน
เธอเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลญี่ปุ่นมาแล้วหลายตำแหน่ง เช่น รัฐมนตรีด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร เป็นต้น
เมื่อปี 2021 ทาคาอิจิลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะแพ้ให้กับ ฟูมิโอะ คิชิดะ ซึ่งต่อมาได้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และกลับมาลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำพรรค LDP อีกครั้ง เมื่อปี 2024 และแพ้ให้กับ ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน
ส่วนการชิงชัยเก้าอี้ผู้นำพรรค LDP ครั้งที่ 3 ของเธอในปีนี้ ทาคาอิจิ คว้าชัยเหนือ ชินจิโร โคอิซึมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร วัย 44 ปี และเป็นลูกชายของ จุนอิจิโร โคอิซึมิ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไปด้วยคะแนน 185 ต่อ 156 เสียง (คิดเป็น 54.25% ต่อ 45.75%) ทำให้ทาคาอิจิกลายเป็นผู้นำหญิงคนแรกของพรรค LDP และเป็นว่าที่ผู้นำหญิงเหล็กคนแรกของญี่ปุ่น
จุดยืนและแนวโน้มนโยบายสำคัญ
ทาคาอิจิเป็นนักอนุรักษนิยมที่แข็งกร้าว มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน และจัดอยู่ในปีกขวาของพรรค LDP โดยเธอคัดค้านกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วยังคงใช้นามสกุลเดิมได้ พร้อมให้เหตุผลว่า กฎหมายดังกล่าวบั่นทอนขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น นอกจากนี้เธอยังมีแนวคิดทางการเมืองคล้ายคลึงกับชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีสายอนุรักษนิยมผู้ล่วงลับ โดยเฉพาะการต่อต้านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในญี่ปุ่น
เธอไปเยี่ยมศาลเจ้ายาสุกุนิเป็นประจำ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ระลึกถึงบรรดาผู้เสียชีวิตในสงครามของญี่ปุ่น โดยทาคาอิจิยังผลักดันข้อเสนอเกี่ยวกับการขยายบริการด้านสุขภาพสำหรับผู้หญิง ปรับปรุงทางเลือกในการดูแลผู้สูงอายุในสังคมญี่ปุ่น รวมถึงเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญต่อกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นอีกด้วย
ส่วนในมิติทางเศรษฐกิจ ทาคาอิจิให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจแบบ ‘อาเบะโนมิกส์’ (Abenomics) ซึ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายภาครัฐในระดับสูง และการกู้ยืมต้นทุนต่ำ
ทาคาอิจิสัญญาว่าจะ เพิ่มขนาดเศรษฐกิจเป็นสองเท่าภายในหนึ่งทศวรรษ ด้วยการลงทุนของรัฐจำนวนมหาศาลในเทคโนโลยีใหม่ โครงสร้างพื้นฐาน การผลิตอาหาร และด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจอื่นๆ
ชัยชนะของทาคาอิจิ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อหุ้นญี่ปุ่นและพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เนื่องจากเธอสนับสนุนนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลาย (Pro-stimulus) ที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐและอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง โดยค่าเงินเยนในช่วงเช้าวันจันทร์อ่อนค่าลง 1.2%
นักวิเคราะห์คาดว่า หุ้นกลุ่มที่เน้นตลาดภายในประเทศและบริษัทขนาดกลาง-เล็กจะได้อานิสงส์จากความคาดหวังเศรษฐกิจเติบโต ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารอาจเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเลื่อนออกไป
หากทาคาอิจิได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการโดยรัฐสภาในช่วงกลางเดือนนี้ เธออาจต้องเผชิญกับ ‘บททดสอบทางการทูต’ ครั้งสำคัญ หลังมีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเดินทางเยือนญี่ปุ่น ในห้วงเวลาเดียวกันกับการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC 2025 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
นับตั้งแต่พรรค LDP ก่อตั้งขึ้นในปี 1955 ผู้นำพรรคก็ครองอำนาจนำทางการเมืองในญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายทศวรรษ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พรรค LDP ได้เผชิญความท้าทายอย่างมาก ทั้งจากกระแสความไม่พอใจของประชาชนต่อภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา อัตราการเกิดต่ำ ปัญหาประชากรลดลง และความไม่พึงพอใจในประเด็นทางสังคมอื่นๆ ที่ทำให้พรรค LDP เริ่มสูญเสียฐานเสียงสนับสนุน
ทาคาอิจิได้รับเลือกให้กุมบังเหียนพรรค LDP ในช่วงเวลาที่พรรคต้องการฟื้นฟูความนิยมจากกลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยม หลังผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางส่วนหันไปสนับสนุนพรรคฝ่ายขวาจัดอย่าง พรรคซันเซโตะ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะจากนโยบายต่อต้านผู้อพยพและการชูคำขวัญ ‘ญี่ปุ่นต้องมาก่อน’ (Japanese First) ทำให้พรรคซันเซโตะมีที่นั่งในสภาสูงของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 15 ที่นั่ง ส่งผลให้พรรคขวาจัดนี้ สามารถดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมไปได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทาคาอิจิ ตั้งเป้าที่จะเป็น ‘หญิงเหล็ก’ โดยโอบรับถึงความท้าทายที่รออยู่ พร้อมระบุว่า “LDP จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของญี่ปุ่น เราจะยึดมั่นในผลประโยชน์แห่งชาติเป็นอันดับแรกเสมอ”
ภาพ: Yuichi Yamazaki / POOL / AFP/ Anadolu via Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/articles/crkj5e73xkmo
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-10-05/yen-falls-after-takaichi-win-japan-stocks-may-get-boost?srnd=homepage-asia
- https://www.bbc.com/news/articles/c20vljzgp0ro
- https://www.cnbc.com/2025/10/06/who-is-sanae-takaichi-the-first-woman-set-to-helm-japanese-government.html