วันนี้ (1 ตุลาคม) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงรวม 338 นาย ณ ห้องแจ้งยอดสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยประกาศวิสัยทัศน์สำหรับปีนี้ว่าคือ เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน
ก่อนการมอบนโยบาย ผบ.ตร. ได้กล่าวขอบคุณและยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในปี 2568 สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจ ปกป้องรักษาอธิปไตย ในพื้นที่ชายแดน พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยร่วมกันดูแลและค้ำชูสวัสดิการของข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ
นโยบายการบริหารราชการ ตร. ปี 2569 ยังคงนโยบาย 15 ข้อเดิมจากปีก่อน พร้อมเพิ่มเติมการขับเคลื่อนงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรมด้วยแนวคิด ‘1 ยึดมั่น, 6 เร่งรัด, และ 9 ก้าวหน้า (STEP)’
‘ยึดมั่น’ ในการพิทักษ์ ปกป้อง สถาบัน
ภารกิจที่สำคัญสูงสุดที่ตำรวจทุกนายต้องยึดมั่นคือการ พิทักษ์ ปกป้อง รักษา เทิดทูนสถาบันหลักของชาติ และการรักษาความสงบเรียบร้อยของคนในชาติ โดยกำชับให้การถวายความปลอดภัยและการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ
‘6 เร่งรัด’ ภารกิจหลักต้องเห็นผล
มีงาน 6 เรื่องที่ต้องเร่งรัดขับเคลื่อนและเห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แก่: 1. ขับเคลื่อน ส่งเสริมโครงการพระราชดำริ 2. ปรับปรุงสวัสดิการตำรวจและครอบครัว 3. พัฒนางานสอบสวน (โดยเฉพาะการห้ามพนักงานสอบสวนไปช่วยราชการ) 4. ป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เช่น ยาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์ 5. กวดขัน เสริมสร้างวินัยจราจร และ 6. วางแผน เตรียมการด้านสาธารณภัย
ในส่วนของโครงการพระราชดำริ ได้เน้นย้ำการสนับสนุน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) และการให้ความช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว ส่วนงานสวัสดิการต้องเร่งรัดให้ “เร็ว ครบ ทั่วถึง”
‘9 ก้าวหน้า’ สู่ Smart Police ด้วยแนวคิด STEP
แนวคิด 9 ก้าวหน้า มาจากคำว่า STEP ซึ่งหมายถึง พวกเรา จะก้าวไปข้างหน้า ด้วยกัน อย่างมั่นคง โดยเน้นการวางรากฐานการพัฒนาองค์กรในอนาคต:
S = Smart (ฉลาด ทันสมัย สง่างาม): ตำรวจต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกด้าน เพื่อไปสู่การเป็น Smart Police โดยมีเป้าหมายคือ จัดระบบเทคโนโลยีตำรวจที่เป็นหนึ่งเดียว (One Police) ปรับรูปแบบงานเป็น สายตรวจอัจฉริยะ (ใช้ AI วิเคราะห์อาชญากรรม) และ จัดทำ ฐานข้อมูล Big Data ในงานสืบสวน
T = Transparency (โปร่งใส ตรวจสอบได้): วิธีการทำงานต้องอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใส เพื่อให้ทุกภาคส่วนตรวจสอบได้ โดยมีเป้าหมายคือ สร้างมาตรฐานการทำงานที่ มีคุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ วางระบบควบคุมพฤติกรรมตำรวจ
E = Efficiency (ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ): หมายถึงการทำงานภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด โดยมีเป้าหมายคือ พัฒนางานสอบสวน ให้มีช่องทางการเจริญเติบโตที่ชัดเจน/เพิ่มอัตรา วางระบบจราจร และบังคับใช้กฎหมายด้วยเทคโนโลยี พัฒนาระบบรับเรื่องร้องทุกข์ (Jcoms) และปรับปรุงสถานีตำรวจ และ เสริมสร้างความมั่นคงด้วยการ นำเครื่องมือพิเศษมาสนับสนุน
P = People (ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง): ตำรวจต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เน้นการบริการแบบ Service Mind โดยมีเป้าหมายคือ ส่งเสริมงานการมีส่วนร่วมของภาครัฐ เอกชน และประชาชน เน้นการแสดงกำลัง และการตรวจแบบ Stop Walk Talk
ผบ.ตร. กำชับให้ รอง ผบ.ตร. แต่ละสายงานไปขับเคลื่อนและดูแลการดำเนินการ ทุกไตรมาส พร้อมย้ำว่า “ในปีนี้ตำรวจไทยต้องก้าวไปข้างหน้า เพื่อเป็นองค์กรที่นำสมัย มีประสิทธิภาพ และครองใจประชาชน”