×

จีน เปิดตัว ‘วีซ่า K’ ดึงตัวคนเก่งสายเทคฯ แต่วัยรุ่นจีนกังวลแย่งงาน หลังอัตราว่างงานยังสูง

01.10.2025
  • LOADING...
china-k-visa-tech-talent-attraction-us-h1b-clampdown

รัฐบาลจีน เปิดตัวโครงการ วีซ่า K ซึ่งเป็นวีซ่าทำงานประเภทใหม่ มีเป้าหมายดึงดูดบุคลากรชาวต่างชาติที่มีศักยภาพในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีระดับโลก

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีนโยบายการจ้างงานแรงงานต่างชาติเข้มงวดมากขึ้น และยังขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าประเภท H-1B สูงถึง 1 แสนดอลลาร์ ทำให้แรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยเฉพาะชาวอินเดีย ในสหรัฐฯ ที่ได้รับวีซ่า H-1B กว่า 70% แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง

 

โก่ว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า วีซ่าการทำงานประเภท K มีเป้าหมาย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและผสานความร่วมมือระหว่างคนรุ่นใหม่ของจีนกับบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาทำงานด้วยกัน

 

สำหรับจุดเด่นของวีซ่า K คือผู้สมัคร ไม่จำเป็นต้องมีนายจ้างหรือหน่วยงานในจีนออกหนังสือเชิญ ซึ่งต่างจากวีซ่าทำงานทั่วไปในหลายประเทศ แต่จะมีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะด้าน เช่น อายุ, ระดับการศึกษา และประสบการณ์ทำงานเป็นหลัก

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน Global Times สื่อที่เป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกมาเยาะเย้ยท่าทีของสหรัฐฯ โดยระบุว่าวีซ่าใหม่นี้ แสดงถึงความเปิดกว้างและความมั่นใจของจีน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บางประเทศเลือกปิดกั้นตัวเอง

 

ทว่า ท่าทีที่เปิดกว้างของรัฐบาลจีนกลับสวนทางกับกระแสบนโลกออนไลน์ อย่าง Weibo ประเด็นวีซ่าประเภท K กลายเป็นหัวข้อยอดนิยมที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่กลับเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้อพยพเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะหลังจากสื่ออินเดียรายงานว่าวีซ่า K อาจกลายเป็น เส้นทางที่เป็นทางเลือกของชาวต่างชาติ

 

ทั้งนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรฐานการคัดกรอง ไปจนถึงการแสดงความเห็นในเชิงเหยียดเชื้อชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาชาวจีน มีความกังวลเรื่องของการหางานอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า วัยรุ่นในจีน ว่างงานสูงถึงเกือบ 19%

 

อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะเปิดตัววีซ่าใหม่ แต่โอกาสที่จะมีแรงงานต่างชาติหลั่งไหลเข้าไปจำนวนมาก ยังดูเป็นไปได้ยาก เนื่องจากนโยบายของจีนยังคงเข้มงวดในการให้สัญชาติ และ ถิ่นที่อยู่ถาวร และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย เพราะหากย้อนไปในช่วงปี 2004-2015 จีนให้ใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ถาวรกับชาวต่างชาติน้อยกว่า 1 หมื่นรายเท่านั้น และแม้จะมีการปรับเกณฑ์ให้ผ่อนคลายขึ้นในปี 2020 แต่ก็ยังคงถูกต่อต้านอย่างหนักบนโลกออนไลน์

 

ภาพ: DC Studio / shutterstock

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising