ตอนนี้หากพูดถึงทีมที่มาแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คริสตัล พาเลซ คือหนึ่งในนั้น เพราะพวกเขากำลังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าทีมที่เคยถูกมองข้าม กำลังยกระดับตัวเองจนกลายเป็นผู้ท้าชิงพื้นที่ท็อปโฟร์ได้จริง ด้วยฟอร์มไร้พ่าย 17 นัดติดต่อกันในทุกรายการ
(แถมเป็นทีมสุดท้ายที่ยังไม่แพ้เกมลีกในฤดูกาลนี้ด้วย)
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่สร้างความประหลาดใจแก่แฟนๆ แต่ยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของพาเลซ ที่กำลังพลิกโฉมตัวเองจากทีมกลางตาราง สู่การท้าชนกับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ของลีกแบบไม่มีกลัว
และนี่คือ 3 เหตุผลสำคัญ ที่อาจเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า พวกเขาดีพอจะเป็น ‘ผู้ท้าชิงพื้นที่ท็อปโฟร์’ ได้จริงหรือไม่?
🔥แท็กติกจากมันสมองของโอลิเวอร์ กลาสเนอร์
ตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในกุมภาพันธ์ 2024 กลาสเนอร์เปลี่ยนดีเอ็นเอของพาเลซอย่างสิ้นเชิง ระบบ 3-4-2-1 กลายเป็นเครื่องจักรที่สมดุลทั้งรับและรุก กองกลางคู่ pivot คุมจังหวะเกมได้อยู่หมัด ขณะที่ปีกสองฝั่งยืดแนวรับคู่แข่งเพื่อเปิดพื้นที่ให้กองหน้าอย่าง ฌอง ฟิลลิป มาเตต้า ได้ทำงานในแบบที่เขาถนัด
สิ่งที่เด็ดขาดคือการเล่นแบบ Reactive + Direct โดยอาศัยเกมรับที่เหนียวแน่นและการเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว แท็กติกนี้ไม่เพียงทำให้พาเลซสามารถรับมือกับทีมใหญ่ได้อย่างไม่เกรงกลัว แต่ยังช่วยให้พวกเขาคว้าชัยชนะในเกมที่ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีคุณภาพด้อยกว่า
การบริหารจัดการทีมของกลาสเนอร์แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเกม และความสามารถในการปรับแท็กติกให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าชายผู้นี้คือหนึ่งในกุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้
🔥ความสม่ำเสมอ + ทีมเวิร์ก + พลังนักเตะรุ่นใหม่
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ พาเลซกำลังพิสูจน์ว่าความสำเร็จในฟุตบอลไม่ได้ขึ้นอยู่กับซูเปอร์สตาร์เพียงไม่กี่คน แต่คือการมีทีมที่สมบูรณ์สำหรับการแข่งขัน แม้จะเสียเอเบเรชี เอเซ่ให้กับอาร์เซนอล แต่พวกเขายังรักษาฟอร์มได้อย่างน่าทึ่ง เพราะระบบที่แข็งแรงพอจะรองรับทุกการเปลี่ยนแปลง
แผงหลัง ‘Trio’ อย่าง เกฮี-ลาครัวซ์-ริชาร์ดส์ คือรากฐานสำคัญของทีม เพราะการมีอยู่ของ 3 คนนี้ ทำให้ฤดูกาลนี้พาเลซเสียเพียง 3 ประตูจาก 6 นัดในลีก ดีที่สุดร่วมกับอาร์เซนอล
ขณะเดียวกัน ดาวรุ่งจากอะคาเดมีอย่าง อดัม วอร์ตัน ก็ฉายแววเด่นในแดนกลาง เติมพลังและความกระตือรือร้นเข้าสู่ทีมอย่างชัดเจน เมื่อผสานเข้ากับแข้งหลักอย่าง อิสไมล่า ซาร์, ดาเนียล มูนญอซ, ไดจิ คามาดะ รวมถึง เยเรมิ ปิโน แข้งค่าตัวแพงสุดอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสร ต่างช่วยกันเป็นผู้นำในสนามด้วยทักษะและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ทีมเวิร์กของพาเลซกลมกลืนจนทีมเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมต่อกรกับทุกทีมในลีก
🔥 เซลเฮิร์สต์ พาร์ค ป้อมเหล็กของ The Eagle
เซลเฮิร์สต์ พาร์ค กลายเป็นป้อมปราการเหล็กของคริสตัล พาเลซในฤดูกาลนี้ แรงหนุนจากแฟนบอลที่ส่งพลังอย่างต่อเนื่องสร้างบรรยากาศกดดันจนเกมเหย้ากลายเป็นฝันร้ายของหลายทีม และพาเลซก็ไม่แพ้ใครในบ้านเลย นับตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (ครั้งสุดท้ายคือพ่ายเอฟเวอร์ตัน 1-2)
พาเลซเก็บชัยในบ้านได้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือ ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร พวกเขาไม่เคยแสดงอาการเกรงกลัวต่อทีมใหญ่ให้เห็นเลย ตัวอย่างชัดเจนคือการเอาชนะลิเวอร์พูล 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปจนถึงการโค่นแมนฯ ซิตี้ 1-0 ในนัดชิงเอฟเอ คัพ คว้าถ้วยแชมป์แรกของสโมสรได้สำเร็จ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมั่นใจและศักยภาพที่แท้จริงในการต่อกรกับทีมระดับท็อป
การที่พาเลซไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 17 นัดในทุกรายการ มันไม่ใช่เรื่องของโชค แต่นี่คือผลลัพธ์จากความทุ่มเทและการทำงานหนัก ความสม่ำเสมอที่พวกเขารักษาไว้สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการทีมที่มีประสิทธิภาพ และขุมกำลังที่ลึกพอจะรับมือได้ทุกสถานการณ์
ข้อมูลจาก Opta ชี้ชัดว่า โมเดล Expected Points ของพาเลซสูงกว่าคะแนนจริงเสียอีก ซึ่งหมายความว่าพวกเขากำลังเล่นได้ดีเกินกว่าผลลัพธ์ที่สะท้อนออกมา และถ้ารักษามาตรฐานนี้ได้ต่อเนื่อง การลุ้นพื้นที่ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้าอาจไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
แม้จะเสียผู้เล่นสำคัญไประหว่างทาง แต่พาเลซยังคงยืนหยัดด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม นี่คือหลักฐานชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของระบบที่โอลิเวอร์ กลาสเนอร์สร้างไว้ และอาจเป็นบทพิสูจน์ว่า ฤดูกาลนี้…พวกเขาก็ดีพอจะลุ้นท็อปโฟร์เหมือนกันนะ 😎
.