×

ภาษากายที่ไม่สู้ดีของ รูเบน อโมริม

28.09.2025
  • LOADING...
ruben-amorim-man-utd-crisis-3421

ย้อนกลับไปวันที่ 11 พฤศจิกายน 2024 รูเบน อโมริม เคยเดินเข้าสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดด้วยรอยยิ้มกว้าง ความมั่นใจเต็มเปี่ยม และภาพลักษณ์โค้ชหนุ่มที่มากับสัญญาแห่งการเปลี่ยนแปลง 

 

แต่วันนี้ ผ่านมาเพียง 10 เดือน สิ่งที่ผู้คนเห็นกลับตรงกันข้าม ภาษากายที่ชวนให้รู้สึกถึงความกดดัน และความดื้อรั้นที่เริ่มกัดกินตัวตนของเขา

 

ตลอดทั้งเกมกับเบรนท์ฟอร์ด (รวมถึงหลายเกมก่อนหน้า) เขาเดินวนไปมา โบกมือสั่งไม่หยุด สลับกับลงไปนั่งก้มหน้าที่ม้านั่ง ทำหน้าขมวดคิ้วจนแทบจะกลายเป็นเส้นลึกบนใบหน้า แม้กระทั่งตอนที่ลูกทีมกำลังครองบอลอยู่ เขาก็ยังคงตะโกนบอกระยะ บอกจังหวะราวกับทุกอย่างต้องอยู่ในระบบ 3-4-2-1 ที่เขายึดมั่นไม่ต่างจากศรัทธา และนี่คือระบบที่เขาเคยพูดไว้ว่า “แม้แต่พระสันตะปาปาก็ไม่อาจเปลี่ยนมันได้”

 

เกมกับเบรนท์ฟอร์ดคือภาพสะท้อนชัด อโมริมเลือกปรับเกมรุก ส่งค็อบบี เมนู, เมสัน เมาท์ และโยชัว เซิร์กซี ลงมา แต่กลับยืนหยัดกับโครงสร้างเดิมจนเมาท์ต้องถอยไปยืนวิงแบ็กซ้าย ส่วนเอ็มเบวโมถูกขยับไปเล่นวิงแบ็กขวา การแก้เกมที่ดูเหมือนกลายเป็นการขยับหมากไปในที่ที่ไม่ควรอยู่

 

“เวลาชนะ ทุกคนบอกว่าไม่ใช่เพราะระบบ เวลาพ่ายแพ้ ทุกคนก็บอกว่าเป็นเพราะระบบ” อโมริมกล่าวหลังเกม 

 

“ผมเข้าใจดี แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดกว่าคือ วันนี้เราเล่นในแบบที่เบรนท์ฟอร์ดอยากให้เราเล่น เราไม่เคยเล่นเกมของเราเอง ไม่เคยกดดันคู่แข่งเลย ทั้งที่เรารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะเล่นบอลสวนกลับ แต่เราก็ยังเสียประตูจากสิ่งนั้น สิ่งที่เราซ้อมกันมาตลอดทั้งสัปดาห์”

 

เขาเสริมด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “เราทำได้ดีกว่านี้กับการครองบอล เราควรคุมเกมได้มากกว่านี้ สิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือเราปล่อยให้เกมไหลไปโดยที่เราไม่เคยจับมันอยู่ ในพื้นที่สุดท้าย เราพลาดการครอสไปหลายครั้ง เราควรสร้างโอกาสได้มากกว่านี้ แต่เราขาดคุณภาพเล็กน้อยในจังหวะสุดท้าย”

 

หากลองมองจากข้างสนาม ทุกอากัปกิริยาของอโมริมเล่าเรื่องเดียวกัน เขาไม่ได้เพียงพยายามควบคุมทีม แต่ยังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ความตึงเครียดถูกแสดงออกมากเกินไป 

 

ทว่าผลลัพธ์กลับกลายเป็นการส่งต่อความกดดันไปสู่ผู้เล่น นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดเริ่มเกมอย่างเชื่องช้า ราวกับเด็กเตรียมสอบที่ต้องคอยท่องจำระบบมากกว่าจะเล่นด้วยหัวใจ

 

ท้ายที่สุด อโมริมยังยืนยันว่าเขาคือคนที่จะพลิกชะตาของทีมได้ “เราสามารถเล่นให้ดีกว่านี้ และเราจำเป็นต้องเล่นให้ดีกว่านี้ มันมีทั้งขึ้นและลง เวลาเราชนะ เราจะรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังมา เวลาแพ้ เรากลับไปที่เดิม และต้องสู้เพื่อชัยชนะอีกครั้งเพื่อสร้างโมเมนตัม ผมยังมั่นใจเสมอ เพราะผมรู้ว่าต้องทำอะไร ผมยังคงทำงานของผมต่อไป”

 

แต่สิ่งสำคัญที่เห็นบนเส้นข้างสนามกลับไม่อาจโกหกได้ นั่นคือ ภาษากายที่เต็มไปด้วยความร้อนรนและความดื้อดึง เหมือนโค้ชที่กำลังพยายามประคองตัวเองไม่ให้ล้ม ทั้งที่จริงแล้วภาพเหล่านั้นอาจบอกชัดเจนกว่าคำพูดใดๆ ว่า อโมริม กำลังเผชิญหน้ากับความเปราะบางที่สุดในเส้นทางของเขาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

 

และบางที หากผลงานยังไม่ขยับไปข้างหน้าในเร็ววัน แฟนบอลปีศาจแดงคงได้เห็นข่าวพาดหัว BREAKING NEWS ที่อาจย้อนรอยเหตุการณ์เดียวกับ เอริก เทน ฮาก ที่ถูกปลด เมื่อหนึ่งปีก่อนก็เป็นได้…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising