×

รายงาน UN ชี้ครั้งแรก อิสราเอลก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา

16.09.2025
  • LOADING...
un-israel-gaza-genocide-report

คณะกรรมาธิการสอบสวนอิสระซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council : HRC) เผยแพร่รายงานผลการสอบสวน ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นครั้งแรก ว่าอิสราเอลได้ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ขณะที่ผู้นำระดับสูงของอิสราเอลยังยุยงปลุกปั่นให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยถือเป็น “ข้อค้นพบที่น่าเชื่อถือและมีหลักฐานพิสูจน์ได้มากที่สุดของ UN ณ ปัจจุบัน”

 

ภายในรายงาน 72 หน้าที่เผยแพร่ในวันนี้ (16 กันยายน) คณะกรรมาธิการสอบสวนพบว่าอิสราเอลได้ ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาถึง 4 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มฮามาสได้ก่อเหตุบุกโจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรง จนส่งผลให้กองทัพอิสราเอลตอบโต้ด้วยการเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในกาซา

 

ขณะที่รายงานระบุว่า การก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของอิสราเอล รวมถึงการสังหารชาวปาเลสไตน์จำนวนมากในฉนวนกาซา ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายและจิตใจของชาวปาเลสไตน์ และจงใจสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่นำมาซึ่งการทำลายล้างทางกายภาพทั้งหมดหรือบางส่วน และใช้มาตรการที่มุ่งหมายเพื่อป้องกันการเกิดของชาวปาเลสไตน์

 

จนถงขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในกาซาแล้วเกือบ 65,000 คน

 

โดยรัฐบาลอิสราเอล อ้างเหตุผลการทำสงครามในกาซาเพื่อป้องกันตนเองและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

 

ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลไดเออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า “อิสราเอลปฏิเสธรายงานที่บิดเบือนและเท็จอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้ยกเลิกคณะกรรมการสอบสวนโดยทันที” โดยอ้างว่าการสอบสวนดังกล่าวเป็น “รายงานที่อ้างอิงข้อมูลเท็จของกลุ่มฮามาสทั้งหมด” และกล่าวหาผู้เขียนรายงานว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มติดอาวุธ 

 

การเผยแพร่รายงานการสอบสวนของ UN มีขึ้นในขณะที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการรุกรานทางบกเข้าสู่เมืองกาซา หลังจากระดมโจมตีทางอากาศในศูนย์กลางเมืองตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงประณามจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้น

 

ขณะที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอลยอมรับถึงปฏิกิริยาตอบโต้ของนานาชาติ และกล่าวว่าประเทศของเขากำลังเผชิญกับ “ความโดดเดี่ยว” ที่อาจคงอยู่ต่อไปอีกหลายปี

ภาพ : REUTERS/Ebrahim Hajjaj

อ้างอิง : 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising