×

สหรัฐฯ คว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ในอาเซียน โดยเฉพาะในเมียนมา-กัมพูชา

09.09.2025
  • LOADING...
สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมาและกัมพูชา

สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ภายใต้กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเครือข่ายศูนย์สแกมเมอร์ขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ‘อาเซียน’ หลังเครือข่ายเหล่านี้ได้หลอกขโมยเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากชาวอเมริกันทั้งวิธีการบังคับใช้แรงงานและใช้ความรุนแรง

 

การคว่ำบาตรนี้รวมถึงเป้าหมาย 9 แห่งที่ดำเนินการใน ชเวโก๊กโก่ (Shwe Kokko) ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์ที่หลอกลวงให้มีการลงทุนสกุลเงินเสมือนที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ กองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ (KNA) ที่ OFAC กำหนดไว้ รวมถึงเป้าหมายอีก 10 แห่งในกัมพูชา

 

การสแกมเมอร์ทางไซเบอร์ในอาเซียนไม่เพียงแต่ คุกคามความเป็นอยู่และความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกัน เท่านั้น แต่ยังทำให้คนหลายพันคนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์สมัยใหม่ โดยในปี 2024 ชาวอเมริกันสูญเสียเงินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ จากเครือข่ายสแกมเมอร์ที่อยู่ในอาเซียน ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อนหน้า

 

ลักษณะของสแกมเมอร์ที่พุ่งเป้าชาวอเมริกัน

 

องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (TCOs) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันมากขึ้นผ่านศูนย์สแกมเมอร์ขนาดใหญ่ องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้มัก ชักชวนบุคคลให้ทำงานในศูนย์เหล่านี้ภายใต้ข้ออ้างที่เป็นเท็จ โดยใช้ภาระหนี้สิน ความรุนแรง และการขู่กรรโชกให้ค้าบริการทางเพศ 

 

ขณะที่สแกมเมอร์จะบังคับให้บุคคลที่ถูกชักชวนเหล่านั้น มาหลอกลวงคนแปลกหน้าทางออนไลน์โดยใช้แอปพลิเคชันส่งข้อความหรือส่งข้อความโดยตรงไปยังโทรศัพท์ของเหยื่อ ซึ่งมักใช้คำสัญญาเรื่องความสัมพันธ์โรแมนติกหรือมิตรภาพเพื่อสร้างความไว้วางใจจากเหยื่อ ก่อนที่จะโน้มน้าวให้เป้าหมายทำการ “ลงทุน” ในสกุลเงินเสมือนบนเว็บไซต์ที่ดูเหมือนแพลตฟอร์มการลงทุนที่ถูกต้อง แต่จริงๆ แล้วคือส่วนหนึ่งของแผนหลอกโอนเงิน

 

การคว่ำบาตรเป้าหมายในเมียนมา

 

OFAC ได้กำหนดเป้าหมายไปยังศูนย์กลางสแกมเมอร์หลักในเมียนมาที่ได้รับการคุ้มครองโดย KNA ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ใน ชเวโก๊กโก่ รัฐกะเหรี่ยง โดย KNA ร่วมมือกับกองทัพเมียนมาและได้ควบคุมพื้นที่ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งผู้นำ KNA ได้กำไรจากอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงศูนย์สแกมเมอร์ที่ใช้แรงงานค้ามนุษย์

 

Yatai New City เป็นศูนย์รวมของศูนย์หลอกลวงที่สำคัญในชเวโก๊กโก่ สร้างโดย She Zhijiang และ Saw Chit Thu ซึ่งเปลี่ยนหมู่บ้านเล็กๆ ให้เป็นเมืองรีสอร์ตที่สร้างขึ้นสำหรับการพนัน การค้ายาเสพติด การค้าบริการทางเพศ และการหลอกลวงที่มุ่งเป้าไปที่ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะชาวอเมริกัน

 

Saw Chit Thu ในฐานะผู้นำของ KNA ได้มอบหมายงานต่างๆ ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้วางใจ เช่น Tin Win และ Saw Min Min Oo โดย Tin Win ดำเนินการ Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำสัญญาจัดหาพลังงาน เพื่อให้ศูนย์สแกมเมอร์ในชเวโก๊กโก่ดำเนินงานได้ ขณะที่ Saw Min Min Oo เป็นเจ้าหน้าที่ KNA และอดีตพันเอกของ KNA ซึ่งบริหารจัดการบริษัทในเครือ KNA หลายแห่ง รวมถึงเป็นคณะกรรมการของ Chit Linn Mying Co., Ltd (CLM Co.), Chit Linn Myaing Toyota Company Limited, Chit Linn Myaing Mining & Industry Company Limited และ Myanmar Yatai International Holding Group Co., Ltd

 

ส่วน She Zhijiang ซึ่งเป็นผู้สร้างและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Yatai New City เขาถูกจับกุมในประเทศไทยในปี 2022 ตามหมายจับของตำรวจสากล (Interpol) ที่ออกโดยจีน

 

การคว่ำบาตรเป้าหมายในกัมพูชา

 

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังได้กำหนดเป้าหมายกลุ่มศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา ซึ่งหลายแห่งสร้างขึ้นเป็นคาสิโนโดยอาชญากรชาวจีน แต่กลายเป็นศูนย์สแกมเมอร์ หลอกให้ลงทุนในสกุลเงินเสมือน เนื่องจากกิจกรรมนี้มีกำไรมากกว่า 

 

ตัวอย่างองค์กรที่ถูกคว่ำบาตร เช่น T C Capital Co. Ltd. (T C Capital) เป็นบริษัทในสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารหลายแห่ง รวมถึง Golden Sun Sky Casino and Hotel ซึ่งมีการหลอกลวงให้ลงทุนในสกุลเงินเสมือนและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ โดยบางครั้งดำเนินการโดยเหยื่อค้ามนุษย์

 

T C Capital ก่อตั้งโดย Dong Lecheng ผู้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในสีหนุวิลล์ที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์สมัยใหม่และการหลอกให้ลงทุนในสกุลเงินเสมือน Dong เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฟอกเงินในจีนปี 2008

 

รวมถึง K B Hotel ร่วมก่อตั้งโดย Xu Aimin พลเมืองกัมพูชาโดยการแปลงสัญชาติ ผู้ซึ่งเคยถูกตัดสินจำคุก 10 ปีในจีนเมื่อปี 2013 หลังเกี่ยวพันกับเครือข่ายการพนันออนไลน์ผิดกฎหมายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

 

ผลกระทบของการคว่ำบาตร

 

ทรัพย์สินและผลประโยชน์ในทรัพย์สินทั้งหมดของบุคคลที่ถูกกำหนด หรือถูกบล็อกที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา หรือในครอบครองหรือการควบคุมของบุคคลในสหรัฐอเมริกา จะถูกอายัดและต้องรายงานต่อ OFAC นอกจากนี้ นิติบุคคลใดๆ ที่ถูกถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อม โดยรวมกัน 50 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า ก็จะถูกอายัดด้วย

 

อีกทั้งยังห้ามทำธุรกรรมทั้งหมด โดยบุคคลในสหรัฐอเมริกาหรือภายใน (หรือผ่าน) สหรัฐอเมริกา ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ในทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกอายัด เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

 

โดยการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้มีการกำหนด บทลงโทษทางแพ่งหรือทางอาญา ต่อบุคคลในสหรัฐฯ และต่างประเทศ อย่างไรก็ตามรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า เป้าหมายสูงสุดของการคว่ำบาตรไม่ใช่การลงโทษ แต่เพื่อนำมาซึ่ง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเชิงบวก

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต / THE STANDARD

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising