×

‘พล.ต.ต. จรูญเกียรติ’ เข้าสภาฯ ‘ขอพลีชีพ’ ร้องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจไม่เป็นธรรม อิงระบบอุปถัมภ์

โดย THE STANDARD TEAM
28.08.2025
  • LOADING...

วันนี้ (28 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าร้องขอความเป็นธรรมในการพิจารณาแต่งตั้งเลื่อนและโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ต่อ สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส. ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนไปยัง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีแล้ว การร้องเรียนต่อสภาฯ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกระบวนการตำรวจให้ไปในแนวทางที่ถูกต้องชอบธรรม 

 

“การมาวันนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มองว่าเราน่าจะเป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกลิดรอนอีกหลายคน ไม่ได้ร้องเพื่อตนเอง แต่ร้องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทบทวน ยึดวิธีคิดและแนวปฏิบัติ” พล.ต.ต. จรูญเกียรติระบุ

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติกล่าวถึงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ที่ยกระดับมาตรฐานการพิจารณาในแง่ต่าง ๆ เมื่อก่อนการแต่งตั้งใช้ระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อ พ.ร.บ. ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายและเจตนารมณ์ในการแบ่งส่วนผู้ที่มีคุณสมบัติอาวุโสไว้ 50% ส่วนอีก 50% ให้คำนึงความอาวุโสและความสามารถ เพื่อต้องการให้คนทำงานได้รับขวัญและกำลังใจในการพิจารณา เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การที่มีกฎเกณฑ์กติกาเช่นนี้แล้ว หากไม่ปฏิบัติหรือเลือกปฏิบัติ ผลสัมฤทธิ์ออกมาก็บ่งบอกถึงการใช้ดุลยพินิจที่อาจจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

 

“เรารู้เห็นเพราะเราทำงานด้วยกันมา เรารู้ว่าใครเป็นอย่างไร ใครขาว ใครเทา ใครดำ สิ่งหนึ่งที่สภาฯ และคณะกรรมาธิการจะทำได้คือ การให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทุกภาคส่วน ด้วยความเสมอภาค” พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ระบุ

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติชี้ว่า การชะลอคำสั่งใน พ.ร.บ. ฉบับนี้แล้วไม่เอาผลปฏิบัติงานมาใช้ จะทำให้ตำรวจเสียขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ อยู่กันแบบเช้าชามเย็นชาม ที่ผ่านมามีเพื่อนพี่น้องหลายคนที่เข้ามาพบตนเองแล้วบอกว่า หลายคนมีฝีมือแต่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง น้อง ๆ ที่กำลังจะโตขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นดาวรุ่ง จะทำไปทำไม ในเมื่อไม่พิจารณาเรื่องความรู้ความสามารถ

 

ด้านสุณัฐชากล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการตำรวจที่จะต้องติดตามปัญหา และหยิบยกประเด็นมาพิจารณาโดยใช้กลไกของสภาฯ เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปองค์กรตำรวจทำให้เกิดความชอบธรรม และมีมติว่าจะนำกรณีนี้เข้าสู่การพิจารณานัดถัดไป จะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งในภาพรวม  นอกจากนี้ ยังมีมติให้คณะกรรมการออกหนังสือเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เข้าร่วมชี้แจงด้วยตนเองต่อคณะกรรมาธิการในวันที่ 4 กันยายนนี้

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการสอบถามผู้บังคับบัญชาหรือไม่ ในกรณีที่ไม่มีชื่อตนเองในบัญชีโยกย้าย รวมถึงการเข้าร้องเรียนคณะกรรมาธิการ ถือเป็นความไม่ไว้วางใจในระบบของ ก.ตร หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ก่อนดำเนินการทุกอย่าง ได้เห็นข้อมูลในบัญชี ที่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองชุดเล็กแล้ว ซึ่งเป็นชื่อของบุคคลที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ บางคนที่อยู่ในบัญชี ก็ไม่มีความรู้ความสามารถที่เพื่อนตำรวจจะเห็นได้ 

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่าการยื่นร้องต่อคณะกรรมาธิการตำรวจเพื่อผลต่อตนเอง แต่ได้พูดไปถึงผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งหมด เช่น ผู้บัญชาการอายุราชการ 4 ปี ก็ไม่พิจารณา แต่ไปดูคนอื่นที่อายุเกินจริงไปอีก 1 ปี ซึ่งนี่ถือเป็นข้อชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ใช้หลักการประเมิน แต่ใช้หลักดุลยพินิจ เพราะมีคำสั่งชะลอการประเมินจากสำนักงานกำลังพล (ตร.) ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568

 

“การออกมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการพลีชีพ ผมเป็นคนจริง แก้ปัญหาสร้างความเปลี่ยนแปลงของหน่วยงานมาเยอะ พระก็เปลี่ยนแล้ว ตอนนี้จะมาเปลี่ยนตำรวจด้วย” พล.ต.ต. จรูญเกียรติกล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากคำสั่งออกมาตามบัญชีแต่งตั้ง จะฟ้องเรื่องนี้กับศาลปกครองหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ระบุว่า ส่วนนี้ไว้ทีหลัง แต่ตนเองดูถึงการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย การที่จะเข้าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ก็ต้องดูผลสัมฤทธิ์ และดูรายชื่อที่จะออกมา จะเข้าหรือไม่เข้าข่ายต้องว่ากันอีกที ศาลปกครองไว้ทีหลัง แต่เราจะพิจารณาอย่างไรขอดูก่อน

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ร้องสภาฯ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ร้องสภาฯ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ร้องสภาฯ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ร้องสภาฯ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ร้องสภาฯ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising