วันนี้ (27 สิงหาคม) กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวแสดงความยินดีกับรัฐบาลไทยที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้ผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมา ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบริเวณชายแดนไทยที่อยู่มากว่า 40 ปี ได้เป็นแรงงานทำงานได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในความตั้งใจในการมาทำงานตั้งแต่ทำงานในหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติและมาทำงานการเมืองที่อยากเห็นการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยอย่างยั่งยืน
กัณวีร์กล่าวว่า อย่างที่ตนเองได้เสนอเรื่องนี้มาตลอด จนวันนี้เกิดขึ้นได้ ก็มั่นใจว่าจะช่วยให้ผู้หนีภัยได้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย อย่างที่บอกครับ เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง และไทยต้องแสดงความกล้าหาญทางมนุษยธรรม บันทึกไว้จากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 สิงหาคม 2568 โดยมีมาตรการที่กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย จะนำไปดำเนินการ
กัณวีร์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ รัฐบาล สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ เพื่อนๆ สส.อีกหลายคน องค์การสหประชาชาติ อาทิ UNHCR UNICEF IOM และ OHCHR และอีกหลายภาคส่วนและหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยถึง ที่ร่วมกันในการผลักดัน ส่งเสียงข้อเสนอปัญหานี้มาโดยตลอดด้วย
“ผมเชื่อมั่นว่าศักยภาพของพี่น้องผู้ลี้ภัย หากได้รับโอกาส พวกเขาจะเป็นแรงงานที่ดีของประเทศไทย ผมจะเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงตะโกนออกไปให้ประชาคมโลกรู้ว่าไทยเราได้เป็นหนึ่งในผู้นำในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมที่มีอยู่อย่างยาวนานตามหลักการสากล”
อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ เรื่อง มาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วยการให้ความเห็นชอบในเรื่องดังต่อไปนี้
มาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง รวม 2 ฉบับ
- ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ …
- ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ …
ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง
สาระสำคัญของเรื่องกระทรวงแรงงานนั้น ได้เสนอว่า รัฐบาลได้มีนโยบายช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่คนต่างด้าวกลุ่มผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างรัฐบาลเมียนมาและกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลให้เกิดการอพยพหลบหนีภัยจากการสู้รบเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527
รัฐบาลไทยขณะนั้นได้ผ่อนปรนให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาให้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดตามแนวชายแดนเป็นการชั่วคราวในระหว่างรอเดินทางไปตั้งถิ่นฐานยังประเทศที่สามหรือเดินทางกลับมาตุภูมิโดยสมัครใจ
ปัจจุบันพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา มีจำนวนทั้งสิ้น 9 แห่ง อยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี และมีจำนวนผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 77,718 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2568)
นอกจากนี้ การให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ แก่กลุ่มคนต่างด้าวตามข้อ 1 อาทิ ด้านการแพทย์ ด้านอาหาร จะเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างประเทศไทย โดยกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย กับองค์กรระหว่างประเทศและองค์การนอกภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในปัจจุบันองค์กรระหว่างประเทศและองค์การนอกภาครัฐได้มีการปรับลดงบประมาณการให้ความช่วยเหลือ ส่งผลทำให้ภาระในการดูแลคนต่างด้าวดังกล่าวตกแก่รัฐบาลไทยเพียงฝ่ายเดียว
ดังนั้น เพื่อบรรเทาภาระของรัฐและเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ตลอดจนแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จึงมีความจำเป็นต้องผ่อนผันให้กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวต่อไป ซึ่งกรมการปกครอง ได้ตรวจสอบสถานะและจัดทำฐานข้อมูลทางทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ควบคู่ไปกับการสำรวจความต้องการประกอบอาชีพ ที่กระทรวงแรงงานจะส่งเสริมให้สามารถทำงานได้ในเขตพื้นที่และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีแนวทางการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
มาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว สำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา
กลุ่มเป้าหมาย: คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งพำนักอยู่ในเขตพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ซึ่งกรมการปกครองได้จัดทำทะเบียนผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนการดำเนินการ: ผ่อนผันให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงาน โดยดำเนินการภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
- ให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายยื่นขออนุญาตออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมคนต่างด้าวเพื่อทำงาน โดยผู้มีอำนาจพิจารณา คือ นายอำเภอหรือปลัดอำเภอที่ได้รับมอบหมาย
- ให้คนต่างด้าวไปดำเนินการตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาลของรัฐและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน สำหรับคนต่างด้าวซึ่งทำงานในกิจการหรือเป็นลูกจ้าง ที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม จะต้องทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว (ไม่สามารถทำประกันสุขภาพกับบริษัทเอกชนได้)
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 (เรื่อง แนวทางการผ่อนผันให้แรงงานสัญชาติกัมพูชาเข้ามาทำงานบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา)
- ยื่นคำขออนุญาตทำงานพร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนดไว้ในแบบคำขอด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ เอกสารจัดทำทะเบียนผู้หนีภัยจากการสู้รบฯ เอกสารที่ได้รับอนุญาตออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม ใบรับรองแพทย์ หลักฐานประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท ทั้งนี้ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานในครั้งแรกของการขออนุญาตทำงาน
3.1 ให้นายทะเบียนอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งอนุญาตให้ทำงาน โดยมีสิทธิทำงานกับนายจ้างได้ทุกประเภทที่มิได้ประกาศห้ามคนต่างด้าวทำ
ส่วนการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น กระทรวงแรงงานได้เสนอร่างประกาศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในเรื่องนี้ รวม 2 ฉบับ
- ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ …
- ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ …
ทั้งนี้ ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการบริหารแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวกลุ่มผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาแล้ว