อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่อง ทำให้ตกอันดับ กลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียนในปี 2022 และปี 2024 ตามหลัง อินโดนีเซียและสิงคโปร์ ด้าน Cebr ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจในสหราชอาณาจักร คาด ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรายไตรมาสที่โตรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียนติดต่อกันหลายไตรมาส เพิ่มความกังวลให้กับหลายฝ่ายว่า ไทยอาจสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคไป
โดยในการประกาศ GDP ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 2 ปี 2568) ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าสุดในอาเซียน หลังจากอัตราการเติบโตของไทยในปี 2567 ก็ต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน
เปิดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2568
- เวียดนาม +8.0%
- ฟิลิปปินส์ +5.5%
- อินโดนีเซีย +5.1%
- สิงคโปร์ +4.4%
- มาเลเซีย +4.4%
- ไทย +2.8%
เปิดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอาเซียนทั้งปี 2567
- เวียดนาม: +7.1%
- ฟิลิปปินส์: +5.6%
- มาเลเซีย: +5.1%
- อินโดนีเซีย: +5%
- สิงคโปร์: +4%
- ไทย: 2.5%
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐกิจไทย ‘รั้งท้าย’ อาเซียนใน 2Q25 สภาพัฒน์เผย GDP ไทยชะลอตัว สวนทางเพื่อนบ้าน
- เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดต่อเนื่อง สรุป! GDP อาเซียน ไตรมาส 1 ปี 2025
- ทำไมเศรษฐกิจไทยโต ‘รั้งท้าย’ อาเซียนอีกปีในปี 2024 สถานการณ์น่ากังวลแค่ไหน?
ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์เพิ่งแซงไทย ขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียนได้ครั้งแรกในปี 2022 และตกเป็นรองไทย รั้งตำแหน่งเศรษฐกิจอันดับ 3 อีกครั้งเมื่อปี 2023 ก่อนจะกลับมาเป็นเศรษฐกิจอันดับ 2 ได้อีกครั้งในปี 2024
เปิดขนาดเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียนปี 2024 (ข้อมูล World Bank)
- อินโดนีเซีย: 1,396,300.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สิงคโปร์: 547,386.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ไทย: 526,411.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เวียดนาม: 476,388.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ฟิลิปปินส์: 461,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มาเลเซีย: 421,972.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เมียนมา: 74,079.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- กัมพูชา: 46,352.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ลาว: 16,502.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- บรูไนดารุสซาลาม: 15,463.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฟิลิปปินส์จ่อแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจ่อแซงไทยในอีก 10 ปี
ตามข้อมูลจากรายงาน WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE ฉบับล่าสุด ซึ่งเผยแพร่เมื่อธันวาคม 2024 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (The Centre for Economics and Business Research: Cebr) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลกในปี 2024 (โดยมีขนาดเศรษฐกิจ 5.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ )
อย่างไรก็ตาม Cebr คาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์ จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2029 ไปอยู่ที่อันดับ 28 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 6.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ เวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจแซงไทยภายในปี 2034 ไปอยู่ที่อันดับ 27 ของโลก โดยมีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 9.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยในปี 2029 และ 2034 นั้น Cebr คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะคงย่ำอยู่ที่อันดับเดิมคือ 31 ไปจนถึงปี 2039 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ Cebr ทำประมาณการไว้
ส่องอนาคตเศรษฐกิจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามใน 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี ข้างหน้า
Cebr กล่าวว่า ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income country) โดยในปี 2024 คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 25,212 ดอลลาร์สหรัฐ
Cebr ยังระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะช็อกจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ยังคงดำเนินต่อไป และนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการเติบโตในปัจจุบันไว้ เมื่อเผชิญกับความเปราะบางต่างๆ
Cebr ยังคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของ GDP ไทยต่อปีจะชะลอตัวลงเหลือเฉลี่ย 2.7% ระหว่างปี 2025 ถึง 2039 และในอีก 15 ปีข้างหน้า Cebr คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะยังคงอยู่ในอันดับที่ 31 ใน World Economic League Table
ฟิลิปปินส์
ณ ปี 2024 ฟิลิปปินส์คาดว่าจะมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 12,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง
Cebr คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ฟิลิปปินส์ต่อปีจะเร่งขึ้นเป็นเฉลี่ย 6.3% ระหว่างปี 2025 ถึง 2029 อย่างไรก็ตาม การเติบโตคาดว่า จะลดลงเหลือเฉลี่ย 6.0% ต่อปีระหว่างปี 2030 ถึง 2039 ซึ่งการเติบโตที่น่าประทับใจนี้จะทำให้ฟิลิปปินส์แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ใน World Economic League Table
ตำแหน่งของฟิลิปปินส์จะดีขึ้นจากอันดับ 33 ในปี 2024 เป็นอันดับ 23 ภายในปี 2039 ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นถึง 10 อันดับ
เวียดนาม
ในปี 2024 เวียดนามมี GDP ต่อหัว (ปรับด้วย PPP) อยู่ที่ 16,193 ดอลลาร์สหรัฐ และถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (lower-middle-income country)
โดยCebr คาดว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามเฉลี่ยต่อปี จะชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ก่อนจะชะลอลงเหลือ 5.6% ต่อปีใน ระหว่างปี 2030 ถึง 2039
Cebr คาดการณ์ว่าตำแหน่งของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างมากใน World Economic League Table โดยจะเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 34 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 25 ภายในปี 2039