วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการออกแถลงการณ์ 5 ภาษา ซึ่งประกอบด้วยภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาสเปน และภาษาอาหรับ เสนอแนวทางของรัฐสภาไทยต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
ประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพ รัฐบาล รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ดำเนินการเป็นอย่างดีแล้ว แต่ส่วนของสภาฯ เนื่องจากประธานรัฐสภาของกัมพูชาได้ไปแถลงการณ์ในการประชุมสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union : IPU) ในทางที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยบอกว่าประเทศไทยริเริ่มสงครามก่อนโดยใช้อาวุธเคมี
ดังนั้น ในนามประธานรัฐสภาของไทย จึงต้องชี้แจงไปยัง IPU และองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐสภาของประเทศต่างๆเพื่อให้เห็นตรงกันว่า ปัญหาชายแดนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายไทย และฝั่งตรงข้ามได้ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยเอาการกระทำของฝ่ายตนเองมาใส่ร้ายกองทัพไทย รัฐสภาไทยขอปฏิเสธ เพราะเรามีเอกสารหลักฐานภาพที่แสดงชัดเจนว่า ทางฝ่ายกัมพูชาได้ยิงโรงพยาบาลและร้านสะดวกซื้อ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถึง 9 คน
วันมูหะมัดนอร์ยังกล่าวว่า ท่าทีของสภาฯแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เราต้องการรักษาสันติภาพ สันติสุข และรักษาชีวิตประชาชนทหารไม่ต้องการให้เกิดความเสียหาย และไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ชายแดน อะไรที่เราสามารถทำให้เกิดสันติภาพกับพี่น้องประชาชนชายแดนได้ แล้วทหารที่อยู่แนวหน้าไม่ให้เกิดความเดือดร้อน เราก็จะดำเนินการให้ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ
วันมูหะมัดนอร์เผยว่า ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้จะลงพื้นที่เพื่อฟังบรรยายสรุปว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร หลังจากการเจรจาหยุดยิง พร้อมมอบของจำเป็นที่กองทัพต้องการ ซึ่งได้รับบริจาคมาจากประชาชน และเนื่องจากในวันดังกล่าวใกล้กับวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงถือโอกาสถวายเป็นพระราชกุศล ในการดูแลทหารชายแดนและประชาชน จากนั้น ในช่วงเย็นจะไปเยี่ยมทหารและประชาชนที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลที่จังหวัดนครราชสีมาด้วย
โดยแถลงการณ์ท่าทีของรัฐสภาไทยต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จากประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย 3 ข้อ ดังนี้
- รัฐสภาไทยยึดมั่นในหลักการของสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ หลักปฏิบัติด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักการของอาเซียน
- รัฐสภาไทยสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งแนวทางการแสวงหาข้อยุติร่วมกันโดยสันติวิธีผ่านช่องทางทวิภาคีที่มีอยู่
- รัฐสภาไทยไม่ประสงค์เป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด รวมทั้งมุ่งหวังที่จะเห็นการใช้เวทีของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างสร้างสรรค์เพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลและประชาชนทั้งสองประเทศให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติและสันติสุขโดยเร็ว