ข้อมูลทางการล่าสุดของจีนเผยให้เห็นสัญญาณที่น่าสนใจว่า บรรดาซัพพลายเออร์จีนกำลังใช้กลยุทธ์ ‘ยอมเฉือนเนื้อตัวเอง’ ด้วยการลดราคาขายสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ อย่างหนัก เพื่อแบกรับภาระภาษีจากรัฐบาลทรัมป์และรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้
Nikkei Asia รายงานข้อมูลอ้างอิงจากกรมศุลกากรจีนที่แสดงให้เห็นว่า ราคาต่อหน่วยของสมาร์ทโฟนที่ส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ลดลงถึง 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาเครื่องเล่นวิดีโอเกมลดลง 23% ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพที่ชัดเจนของสงครามการค้า
โทรุ นิชิฮามะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัย Dai-ichi Life ให้ความเห็นว่า “ผู้ผลิตและพันธมิตรทางธุรกิจของจีนอาจกำลัง ‘แบกรับภาระภาษี’ ส่วนหนึ่งไว้เอง” เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในขณะเดียวกันผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ก็มี ‘ทางเลือกไม่มากนัก’ สำหรับสินค้าหลายประเภทนอกจากผลิตภัณฑ์จากจีน ทำให้ยังคงถูกบีบให้ต้องนำเข้าสินค้าจากจีนในระดับหนึ่ง ซึ่งเปิดช่องให้กลยุทธ์การลดราคาของจีนยังคงดำเนินต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการลดราคาเพื่อจูงใจ แต่ปริมาณการส่งออกโดยรวมกลับลดลงอย่างน่าใจหาย โดยการส่งออกสมาร์ทโฟนไปยังสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ลดลงถึง 71% ขณะที่การส่งออกเครื่องเล่นเกมลดลง 48% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากำแพงภาษีได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณการค้าอย่างรุนแรง
แต่ก็มีสินค้าบางรายการที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับภาพรวม เช่น ดอกไม้ไฟ ซึ่งจีนเป็นผู้ครองตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ กว่า 90% มีราคาพุ่งขึ้นถึง 51% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากการเร่งส่งออกสินค้าที่เคยถูกชะลอไว้ก่อนหน้านี้
กลยุทธ์การแบกรับต้นทุนภาษีนี้ถือเป็น ‘ความเสี่ยงในระยะยาว’ สำหรับเศรษฐกิจจีน หากกำแพงภาษียังคงอยู่ต่อไปและส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท ก็อาจนำไปสู่การเลิกจ้างงานและความเสี่ยงอื่นๆ ที่จะตามมาได้
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ ยังคงมีความหวังในการ ‘เจรจาในนาทีสุดท้าย’ โดย สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มีกำหนดจะพบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนที่กรุงสตอกโฮล์มในสัปดาห์หน้า เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม เพื่อหารือถึงการขยายเวลาพักรบภาษีที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 สิงหาคมนี้
ภาพ: Zhang Hengwei/China News Service via Getty Images
อ้างอิง: