จากข้อมูลจากตลาดนาฬิกามือสอง รายงานว่า Rolex บางรุ่นไม่ได้เป็นแค่เครื่องบอกเวลา แต่ยังกลายเป็น “สินทรัพย์ทางเลือก” ให้นักลงทุนที่ต้องการเก็บกำไรในระยะยาว โดยเฉพาะรุ่นที่ราคาขายต่อพุ่งสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
โดยเว็บไซต์ Bob’s Watches ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายนาฬิกาหรูรายใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง 15 ปี จากการซื้อขายนาฬิกา Rolex กว่า 50,000 เรือน พบว่าหลายรุ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางรุ่นราคาพุ่งเกิน 600% ทำให้นาฬิกาหรูกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น หรือคริปโต และมักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
Paul Altieri ซีอีโอของ Bob’s Watches แสดงความเห็นว่า นาฬิกา Rolex ไม่ใช่แค่ของสะสม แต่คือสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ใส่ได้ ทำประกันได้ และส่งต่อได้ ต่างจากราคาหุ้นที่อาจหายวับไปตามแรงเหวี่ยงของตลาด
แม้ในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา ตลาดนาฬิกามือสองโดยรวมจะเริ่มชะลอตัวลง หลังช่วงโควิด แต่แบรนด์ Rolex ยังคงเป็นแบรนด์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะ 3 รุ่นยอดนิยมที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดในตลาดมือสองตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย
- Rolex Datejust ซึ่งเป็นนาฬิกาโมเดล dress watch กลายเป็นรุ่นที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสุด โดยเฉพาะรุ่นย่อยที่มีรหัสอ้างอิง เช่น 16013, 16233, และ 69173 หากย้อนดูราคาขายตั้งแต่ปี 2010 มีราคาขายต่อเฉลี่ยอยู่แค่เพียง 1,150 ดอลลาร์ (ราว 42,000 บาท) กระทั่งในปี 2025 ราคาพุ่งขึ้น 8,500 ดอลลาร์ (ราว 300,000 บาท) โดยเพิ่มขึ้นกว่า 639%
“แม้คนส่วนใหญ่มักมองว่านาฬิกาโมเดล dress watch ไม่น่าได้รับความสนใจเท่ารุ่นสปอร์ต แต่รุ่น Datejust กลับสามารถเข้าถึงได้หลากหลายกลุ่ม ทำให้ได้รับความนิยมสูงในตลาดมือสอง” ซีอีโอของ Bob’s Watches ย้ำ
- Rolex Submariner นาฬิกาสปอร์ตโมเดลที่ฮิตที่สุด ในช่วงปี 2020 – 2022 ราคาพุ่งแรงสุด 18,889 ดอลลาร์ (ราว 660,000 บาท) แม้มีช่วงที่ราคาตกในปี 2023 แต่ปัจจุบันกลับมาฟื้นตัวอยู่ที่ราว 17,295 ดอลลาร์ (ราว 605,000 บาท) สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นรุ่นที่มีมูลค่าการลงทุนที่ยั่งยืน โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงของ Submariner ได้แก่รหัส 16610, 116610 และ 16613
และ 3. Rolex GMT-Master II เป็นอีกรุ่นที่มีสีขอบที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น สี Pepsi และ Batman ขายดีเพราะดีไซน์และเรื่องราวของแต่ละรุ่นมีผลต่อมูลค่ามาก เช่น ขอบสี Pepsi ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การบิน ช่วยเพิ่มความน่าสะสมและผลักดันราคาให้สูงขึ้นในตลาด โดยตั้งแต่ปี 2010 ราคามือสองเพิ่มขึ้นถึง 506% ปัจจุบันปี 2025 ยืนราคาที่ 20,595 ดอลลาร์ (ราว 720,000 บาท) รุ่นยอดนิยมได้แก่รหัส 116710 Batman และรหัส 16710 Pepsi / Coke
เรียกได้ว่าการลงทุนใน Rolex ไม่ใช่แค่เรื่องของแบรนด์ แต่คือการมองเห็น ‘คุณค่าในความคลาสสิก’ ที่สวมใส่ได้จริง เก็บสะสมได้ และสามารถขายต่อได้ตามมูลค่าของตลาด
ภาพ: i viewfinder/shutterstock
อ้างอิง: