สงครามแย่งชิงบุคลากรและเทคโนโลยี AI ทวีความดุเดือดขึ้นไปอีกระดับ เมื่อมีรายงานว่า Google ในเครือ Alphabet Inc. ได้บรรลุข้อตกลงมูลค่าราว 2.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาท) เพื่อดึงตัวผู้บริหารระดับสูงและขอสิทธิ์การใช้เทคโนโลยี (Licensing Rights) จาก Windsurf สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้าน AI ช่วยเขียนโค้ด (AI Coding)
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ข้อตกลงเดิมที่ Windsurf จะถูกควบรวมกิจการโดย OpenAI ในมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ต้องล่มลงกลางคัน สะท้อนถึงการแข่งขันที่เข้มข้นและการใช้กลยุทธ์ซื้อตัวแทนการซื้อกิจการของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
Google คว้าคน-เทคโนโลยี หลังดีล OpenAI-Microsoft สะดุด
Google ยืนยันผ่านแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ (11 กรกฎาคม) ว่า บริษัทกำลังจ้าง วารุณ โมฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ดักลาส เฉิน ผู้ร่วมก่อตั้ง และทีมงานหลักอีกจำนวนหนึ่งของ Windsurf ให้เข้ามาทำงานในหน่วยงานปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงอย่าง DeepMind โดย Google ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับมูลค่าของข้อตกลง แต่ระบุชัดเจนว่าดีลนี้ ไม่ได้รวมถึงการเข้าถือหุ้น ในบริษัท Windsurf
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้เปิดเผยว่า เบื้องหลังดีลนี้เกิดจากข้อตกลงเดิมที่ Windsurf จะถูกซื้อโดย OpenAI ในมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ต้องล่มลงเนื่องจากความตึงเครียดกับ Microsoft Corp. ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ของ OpenAI
ปัญหาสำคัญคือ Windsurf ไม่ต้องการให้ Microsoft สามารถเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ของตนได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ OpenAI ไม่สามารถทำให้ Microsoft ยอมรับได้ เนื่องจากข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่าง Microsoft และ OpenAI ระบุให้ Microsoft มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพที่ OpenAI เข้าซื้อหรือลงทุน
รายงานระบุว่าดีลระหว่าง OpenAI และ Windsurf เกือบจะสำเร็จลุล่วงแล้ว โดยมีการลงนามในหนังสือแสดงเจตนา (Letter of Intent) และมีการแจ้งโครงสร้างผลประโยชน์ตอบแทนแก่นักลงทุนแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องสะดุดลงเพราะเงื่อนไขด้าน IP ดังกล่าว ซึ่งเปิดโอกาสให้ Google เข้ามาเจรจาและปิดดีลในรูปแบบใหม่ได้สำเร็จ
‘Acqui-hire’ โมเดลใหม่ในสงคราม AI – เลี่ยงข้อครหาผูกขาด?
ข้อตกลงระหว่าง Google และ Windsurf ตอกย้ำถึงเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่บิ๊กเทคฯ คือ การทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงตัวผู้บริหารคนสำคัญและทีมงานหลัก พร้อมขอสิทธิ์ใช้เทคโนโลยี แทนการเข้าซื้อกิจการทั้งบริษัท ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบด้านการผูกขาด (Antitrust Scrutiny) จากหน่วยงานกำกับดูแล
ในช่วงที่ผ่านมา มีดีลลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นหลายครั้ง:
- Microsoft จ้างผู้ก่อตั้งและพนักงานส่วนใหญ่ของ Inflection AI พร้อมขอสิทธิ์ใช้ซอฟต์แวร์
- Amazon.com Inc. จ้างผู้บริหารระดับสูงและพนักงานจากสตาร์ทอัพ Adept AI Labs Inc.
- Google เองก็เคยดึงตัวผู้ร่วมก่อตั้ง Character.AI มาร่วมงานภายใต้ข้อตกลงด้านสิทธิ์การใช้งาน
- Meta Platforms Inc. ทุ่มเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าถือหุ้น 49% ใน Scale AI พร้อมดึงตัวผู้ก่อตั้งอย่าง อเล็กซานเดอร์ หวัง มาร่วมทีม “Superintelligence”
แม้ดีลเหล่านี้จะไม่ได้มีโครงสร้างเป็นการควบรวมกิจการโดยตรง แต่ก็เริ่มถูกจับตามองและเข้าสู่กระบวนการสอบสวนจากหน่วยงานกำกับดูแลบ้างแล้ว
รู้จัก Windsurf สตาร์ทอัพ AI Coding ที่บิ๊กเทคแย่งตัว
Windsurf ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Exafunction Inc. เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่สร้างเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในปัจจุบัน บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2021 และระดมทุนไปแล้วกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนชั้นนำอย่าง Greenoaks Capital Partners และ AIX Ventures
การที่ Google ยอมจ่ายเงินสูงถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อดึงบุคลากรและเทคโนโลยีของ Windsurf มาร่วมทัพ สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและความสำคัญอย่างยิ่งยวดของบุคลากรที่มีความสามารถในสมรภูมิ AI ซึ่งบิ๊กเทคฯ ต่างยอมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง