วันนี้ (26 มิถุนายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประชุมหารือเรื่องผลกระทบจากมาตรการการกำหนดเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ห้องประชุมโรงเรียนอรัญประเทศ โดยมี พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, พล.ท. อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1, ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
ผู้ว่าฯ สระแก้ว ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่การค้าขายและพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ หลังจากที่ไทยยกระดับมาตรการการควบคุมการข้ามแดน
ผู้ว่าฯ สระแก้ว ระบุว่า จากการตั้งข้อสังเกตเรื่องการนำเข้าสินค้าเกษตร ภายหลังการลดการนำเข้ามันสำปะหลัง ทำให้มันสำปะหลังของเกษตรไทยขายได้มากขึ้น ไม่กระทบกับเกษตรกรของไทย จึงขอให้รัฐบาลทบทวนกำหนดโควตานำเข้าจากกัมพูชา
ขณะที่การขออนุญาตพาสปอร์ตในระยะหลังมีการทำมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสูงสุดวันละ 200 เล่ม จากปกติ 30-40 เล่ม ข้อมูลในทางลับพบว่าส่วนใหญ่เดินทางโดยท่าอากาศยานไปยังสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ เพื่อที่จะเดินทางย้อนกลับมายังปอยเปต เพื่อมาทำงานหรือมาเล่นการพนันที่คาสิโน
นอกจากนี้การเดินทางกลับของชาวกัมพูชาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไทย คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติยกเว้นค่าธรรมเนียม จากเดิมจะต้องเก็บคนละ 1,000 บาท ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 74 ล้านบาท หลายภาคส่วนจึงเสนอที่จะขอไม่ยกเว้นอยากให้มีการเก็บเช่นเดิม เพื่อนำงบประมาณกลับมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้ยังเสนอให้ชะลอหรือให้ยกเลิกกิจกรรมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา 75 ปี ออกไปโดยไม่มีกำหนด และเห็นควรระงับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าทุกกรณี ยกเว้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงให้พิจารณาทบทวนโครงการก่อสร้างสะพานโป่งน้ำร้อน ที่ใช้งบกลางในการก่อสร้างสะพาน เนื่องจากมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หนองเอี่ยน-สตึงบท ซึ่งอยู่บริเวณตำบลท่าข้ามอำเภออรัญประเทศก่อนหน้านี้แล้ว จึงเสนอให้มีการพิจารณาทบทวนหลายๆ เรื่อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และกระทรวงในการพิจารณา
ขณะที่นายกรัฐมนตรีรับฟังปัญหาจากผู้ว่าฯ พร้อมระบุว่า ข้อเสนอต่างๆ ค่อนข้างตรงใจ และเข้าใจว่าทุกภาคส่วนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งตนพูดเสมอ ว่าอยากจะกระจายอำนาจลงท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด เพราะทุกคนที่อยู่ในพื้นที่จะรู้ปัญหาที่ดีกว่ารัฐมนตรี ซึ่งหากตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวทุกอย่างเรียบร้อย จะพยามให้ลงพื้นที่มากขึ้น เช่นเดียวกับสส. ที่อยู่ในพื้นที่จะลดปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดีว่าจุดไหนมีปัญหา พร้อมย้ำเรื่องสันติวิธี และไม่ให้เกิดการปะทะเกิดขึ้น
สำหรับการลงพื้นที่วันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และติดตามการจำกัดการเข้าออกจุดผ่านแดนว่าเมื่อมีการจำกัดมาตรการแบบนี้แล้วผู้ได้รับผลกระทบทางรัฐบาลจะช่วยอย่างไรได้บ้าง พร้อมย้ำว่าปัญหา ชายแดนมีทีมไทยแลนด์ที่ดูแลเรื่องอย่างใกล้ชิด
ขณะที่กระบวนการในการดูแลประชาชนจะประสานผ่านทางผู้ว่าฯ โดยขอให้ตรวจสอบขั้นตอนการส่งเรื่องหรือส่งขอความช่วยเหลือให้ถึงภาคส่วนต่างๆ และผ่านการอนุมัติ ซึ่งต้องกลับมาพิจารณาให้เกิดความรวดเร็วและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เผื่อบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนได้เร็วขึ้น ไม่ใช่รอเป็นครึ่งปีและปัญหาหายไปหมด
ส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ขอให้ช่วยเหลือประชาชนในการติดตามเรื่องสินค้าตกค้างต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการที่ประสบภัยว่าจะสามารถช่วยเหลือส่วนไหนได้บ้างหรือกำหนดมาตรการใดออกมา
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรัฐบาล อยากให้ สมช. พิจารณาว่ามีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ มีอะไรที่เป็นการส่งเสริมสแกมเมอร์หรืออาชญากรรมข้ามชาติซึ่งอาจจะมีการประสานขอข้อมูลกับทาง กสทช. อีกครั้ง
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณหน่วยงานที่ทุ่มเทกำลังแรงใจแรงกายและทำงาน ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและดูแลประชาชนในทุกภาคส่วนเพราะทุกชีวิตสำคัญหมด แม้เราจะพยายามใช้สันติวิธี แต่ประชาชนมีปัญหาเรื่องการค้าขายจึงขอให้พื้นที่ลงไปดูให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น เพราะคิดว่ารัฐยังมีกำลังในการช่วยเหลือประชาชนอีกมาก หากได้รับปัญหาที่ตรงจุด