เมื่อ Garmin ปล่อย Forerunner 970 ออกมา หลายคนรอคอยว่าจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากนาฬิกาวิ่งระดับเรือธงรุ่นล่าสุด และเมื่อได้ทดลองใช้งานจริงก็ต้องยอมรับว่า Garmin Forerunner 970 ไม่ได้แค่อัปเกรดสเปกแต่ละตัวเป็นชิ้นๆ แต่พัฒนาประสบการณ์การใช้งานไปอีกขั้นหนึ่งเลยทีเดียว
รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ที่สว่างและคมชัดที่สุดในตระกูลสมาร์ทวอทช์ Forerunner, เซ็นเซอร์วัดหัวใจใหม่ล่าสุดที่แม่นยำขึ้น, วัสดุพรีเมียมอย่างกรอบไทเทเนียมและกระจก Sapphire Crystal ที่ทนทาน และที่สำคัญคือระบบที่ ‘คิดแทนเรา’ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับตั้งค่าอัตโนมัติหรือแม้แต่ไฟฉายเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่กลับช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นทุกวัน
และนี่คือ 4 จุดเด่นที่รู้สึกได้จากการใช้งาน ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าทำไมรุ่นนี้ถึงเป็นมากกว่าการอัปเกรดธรรมดา
1. ไฟฉาย: ฟีเจอร์เล็กๆ ที่กลายเป็นของจำเป็น
ตอนเห็นสเปกครั้งแรก หลายคนอาจมองว่าไฟฉายที่ติดมาน่าจะเป็นเพราะกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ที่เติมเข้ามา แต่พอได้ลองใช้งานจริงมันกลับเป็นฟีเจอร์ที่เราใช้งานบ่อยที่สุด หรือแทบทุกวันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะขณะวิ่ง ออกกำลังกาย หรือต้องหาของในที่มืด ที่ช่วยให้เรามองเห็นพื้นหรือทางเดินได้ชัดเจน สะดวกเวลาต้องควานหาของในกระเป๋า โดยที่ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉายอีกต่อไป
โดยเฉพาะการใช้ขณะวิ่งในสวนนี่จะเป็นประโยชน์มาก ช่วยให้เราซ้อมวิ่งสะดวกขึ้นเยอะ ซึ่งไฟฉายนี้ตั้งได้หลายโหมด ทั้งเปิดค้าง กะพริบ หรือส่อง SOS ในกรณีฉุกเฉิน เหมาะกับชอบออกกำลังกายทั้งยามเช้ามืดและตกค่ำ
2. หน้าจอสว่างจัดเต็ม แต่แบตยังอยู่ได้
Garmin Forerunner 970 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ที่สว่างและคมชัดที่สุดในซีรีส์ Forerunner มองเห็นชัดแม้ในแสงแดดจ้า และให้ความรู้สึกเหมือนใช้สมาร์ทวอทช์เต็มรูปแบบ แต่แน่นอนว่าความสว่างนี้ก็แลกมากับการใช้แบตเตอรี่ที่มากขึ้น เพราะถ้าเปิด Always-on Display และเปิด GPS จัดเต็ม แบตอยู่ได้ราว 3-4 วัน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่อยากชาร์จแค่สัปดาห์ละครั้ง แต่หากตั้งค่าให้เหมาะสม เช่น ปิด Always-on และใช้โหมดประหยัดแบตเวลานอน หรือหากเราไม่ได้ออกกำลังกายทุกวัน แบตก็สามารถอยู่ได้นานถึง 6-7 วันแบบไม่ต้องชาร์จบ่อย ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของเราว่าเป็นแบบไหน และจะรับได้ไหมหากต้องชาร์จบ่อยครั้ง (แต่ไม่ถึงกับต้องทุกวันแน่นอน)
3. วัสดุพรีเมียม แต่งแนวสปอร์ตก็สวมใส่ได้
เราคิดว่า Garmin Forerunner 970 ไม่ได้เป็นแค่นาฬิกาสำหรับใส่วิ่งแล้วถอดเก็บ แต่เขาตั้งใจออกแบบรุ่นนี้ให้ใส่ติดข้อมือได้ตลอดวัน ไม่ว่าจะใส่ไปเที่ยว ทำงาน หรือปาร์ตี้ยามค่ำคืน ด้วยกระจก Sapphire Crystal ที่ทนรอยขีดข่วนดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน บวกกับกรอบไทเทเนียมที่น้ำหนักเบาแต่หรูหรา มาในขนาด 47 mm ทำให้ดีไซน์ของรุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกาสปอร์ตแบบใส่ได้ทุกวัน แทนที่จะเป็นแค่นาฬิกาเพื่อเล่นกีฬา แถมยังทนดีด้วย ใส่ได้แบบไม่ต้องถนอม
4. เซ็นเซอร์ใหม่: วัดแม่นกว่าเดิม เพื่อการเทรนที่ลึกขึ้น
จุดเด่นอีกข้อของ Garmin Forerunner 970 คือเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบใหม่ล่าสุด Elevate V5 ที่แม่นขึ้นกว่าเดิม รองรับฟีเจอร์ Advanced Running Metrics และเมื่อจับคู่กับ HRM 600 ที่เราลองใช้คู่กัน ปรากฏว่าเราสามารถวิเคราะห์การออกกำลังกาย และระดับความฟิตได้ละเอียดยิ่งขึ้น ประหนึ่งนักกีฬาอาชีพ โดยเฉพาะเรื่อง Running Form ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คุณได้ทำ New PB
จริงอยู่แม้ฟีเจอร์เหล่านี้อาจไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณต้องการที่จะยกระดับ Performance หรืออยากจริงจังกับผลลัพธ์มากยิ่งขึ้น นาฬิการุ่นนี้จะตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตได้เลย
บทสรุป: ลงทุนครั้งเดียวให้มันจบ
ส่วนตัวคิดว่า Garmin Forerunner 970 (ราคา 24,990 บาท) คือนาฬิกาที่ตอบโจทย์ทุกอย่างสำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ อยากได้นาฬิกาที่ลงทุนครั้งเดียวให้มันจบ ไม่ว่าจะใส่วิ่งถนน วิ่งเทรล ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ครบเครื่องไปหมด ยิ่งเมื่อจับคู่กับ HRM 600 ก็ยิ่งทำให้ความสามารถเหลือล้นขึ้นไปอีก วัดได้ลึกจนแทบจะรู้ว่าหัวใจที่เต้นแต่ละครั้งรู้สึกอย่างไร
แต่หากใครมีงบที่ย่อมเยาลงมาหน่อย ลองดู Forerunner 570 (ราคา 17,990 บาท) ที่เพิ่งเปิดตัวไป ความสามารถต่างออกไปเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นวิ่ง เพราะอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือนาฬิกาต้องตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณในกระเป๋าของเรา และเราสามารถใช้งานได้บ่อยครั้ง มีความคุ้มค่าจริงๆ ไม่ใช่ใส่เฉพาะเวลาที่ต้องซ้อม
HRM 600 คืออะไร?
เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับนักกีฬาสายวิเคราะห์ข้อมูล ที่ต้องการความแม่นยำสูงสุด สามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจ ข้อมูล HRV และไดนามิกการวิ่งแบบเรียลไทม์ ส่งข้อมูลไปยังนาฬิกาหรือแอปที่รองรับ ที่เด่นคือแบตเตอรี่ชาร์จได้ใช้งานยาวนานสูงสุด 2 เดือน และสามารถบันทึกกิจกรรมแยกได้โดยไม่ต้องใช้นาฬิกา พร้อมซิงค์กับแอป Garmin Connect บนสมาร์ทโฟนภายหลัง ราคา 5,490 บาท