×

ตลท. พร้อมยกเลิกมาตรการชั่วคราวที่มีการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band ก่อนกำหนด หากความผันผวนคลี่คลาย

23.06.2025
  • LOADING...
set-middle-east-impact

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ประกาศใช้มาตรการซื้อขายชั่วคราว พร้อมปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band เพื่อรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ ได้เปิดฉากโจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา

 

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ความจำเป็นในการใช้มาตรการดังกล่าว โดยปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความผันผวนในตลาดหุ้นไทย จากผลกระทบของเหตุการณ์ที่คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ ต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก

 

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน ให้ปรับมาตรการซื้อขายชั่วคราว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่การซื้อขายในวันนี้ (23 มิถุนายน) เป็นต้นไป โดยมาตรการนี้จะใช้ไม่เกินวันที่ 27 มิถุนายนนี้

 

มาตรการสำคัญที่ ตลท. ประกาศใช้ มีดังนี้:

 

– ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor ของราคาหลักทรัพย์เหลือบวกหรือลบได้ไม่เกิน 15% จากเดิมที่ 30% จากราคาปิดวันก่อนหน้าเพื่อรองรับความผันผวน

 

– ปรับกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ จากเดิมที่บวกหรือลบได้ไม่เกิน 10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น เป็นบวกหรือลบได้ไม่เกิน 5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น

 

ทั้งนี้ มาตรการที่ออกมาดังกล่าวเปรียบเหมือนการปรับเบรกของตลาดหุ้นไทยให้ตื้นขึ้นชั่วคราว ขณะที่มาตรการต่างๆ ที่ใช้ดูแลในการซื้อขายที่มีอยู่แล้วยังคงมีอยู่ปกติเช่นเดิม เช่น เกณฑ์การหยุดทำการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker)

 

ตลท. ย้ำ พร้อมยกเลิกมาตรการชั่วคราวก่อนกำหนด หากสถานการณ์ผ่อนคลาย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกมาตรการชั่วคราวก่อนวันที่ 27 มิถุนายนนี้ หรือไม่นั้น อัสสเดชยืนยันว่าคณะกรรมการ ตลท. ได้มอบอำนาจให้ผู้บริหารพิจารณาถอนมาตรการดังกล่าวได้เร็วกว่ากำหนด หากสถานการณ์มีความเหมาะสม

 

“บอร์ดให้มติมาว่าให้ใช้มาตรการในเรื่องของ Ceiling & Floor แล้วก็ Dynamic Price Band เพื่อที่จะให้ตลาดลดความผันผวน ซึ่งถ้าเกิดดูแล้วตลาดมีข้อมูลเพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุนและไม่ได้มีความผันผวนมาก เราก็พร้อมที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าว”

 

อัสสเดชยังชี้แจงด้วยว่า มาตรการนี้เป็นเพียงการบีบแบนด์ของราคาหลักทรัพย์ให้แคบลง เพื่อลดความผันผวน ไม่ได้ไปกระทบการซื้อขายโดยตรง เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่มีความชัดเจนและมีการพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ประเด็นตลาดหลักทรัพย์ฯ กังวลคือผู้ลงทุนจะได้รับข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นมาตรการนี้จึงมีขึ้นเพื่อช่วยลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น และหากตลาดมีข้อมูลเพียงพอและไม่ผันผวนมาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พร้อมยกเลิกมาตรการชั่วคราวนี้ได้ก่อนกำหนด

 

ส่วนกรณีที่ตลาดหุ้นอาจมีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงและอาจมีการเพิ่มมาตรการอื่นๆ นั้น ตลท. ยังไม่ได้มีการกำหนดทริกเกอร์หรือเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าจะเพิ่มมาตรการเมื่อใด เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก และต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละเหตุการณ์ โดยบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พร้อมที่จะปรึกษาหารือกันอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีการพิจารณาห้ามการทำธุรกรรม Short Sell ด้วยหรือไม่นั้น อัสสเดชยืนยันว่า ณ วันนี้ยังไม่มีแผนที่จะห้าม Short Sell โดย ตลท. ต้องการให้กลไกของตลาดดำเนินไปได้ตามปกติ และไม่ปิดโอกาสนักลงทุนทุกภาคส่วน

 

ตลท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด

 

อัสสเดชยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก และข่าวสารบางครั้งยังไม่แน่ใจว่าเป็นจริงหรือไม่ หน้าที่ของ ตลท. คือการช่วยกรองและสื่อสารข่าวสารที่มีในทั่วโลกให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ จะตัดสินใจอย่างไรกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

 

เมื่อถูกถามถึงการประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด (Worst Case Scenario) โดยเฉพาะผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างมากในตลาดหุ้นไทยนั้น อัสสเดชกล่าวว่า การประเมินสถานการณ์เป็นเรื่องที่ยากมาก โดยถือเหตุผลที่ตัดสินใจลดกรอบความผันผวนลง เพื่อให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้พิจารณาก่อนการตัดสินใจลงทุน พร้อมแนะนำให้นักลงทุนใจเย็น และมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

อย่างไรก็ตาม หากดูการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเช้าวันนี้ก็มีการปรับตัวลดลงบ้าง รวมถึงราคาน้ำมัน WTI Future มีการปรับตัวขึ้นเพียงประมาณ 2% ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย สะท้อนว่านักลงทุนทั่วโลกอาจได้รับรู้ข้อมูลหรือ Price In ข้อมูลดังกล่าวนี้มาในระดับหนึ่งแล้ว

 

สำหรับความกังวลประเด็นซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันว่าจะมีแรงเทขายปรับพอร์ตออกมานั้น ซึ่งจากการสังเกตในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไรที่เกิดขึ้น นักลงทุนสถาบันมีทั้งการเข้าและออกในตลาดหุ้นไทย ไม่ได้เป็นการขายแต่เพียงอย่างเดียว และสัดส่วนของวอลุ่มซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนอื่นๆ ก็ยังคงมีสัดส่วนที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อีกทั้งในขณะนี้ยังมีปัจจัยหนุนจาก กองทุน Thai ESGX ที่ยังสามารถซื้อได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งอาจมีเม็ดเงินจากส่วนนี้เข้ามาในตลาดได้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จากกรณีของสถานการณ์ความขัดแย้งในต่างประเทศกับความไม่แน่นอนของเสถียรภาพการเมืองในประเทศ มองว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไร เพราะเป็นประเด็นความเสี่ยงที่นักลงทุนค่อนข้างมากจะกดดันให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงหลุดต่ำกว่าระดับ 1,000 จุดหรือไม่นั้น และจะมาตรการอื่นๆ ออกมาเสริมเพิ่มเติมอีกหรือไม่ในอนาคตเพื่อรับมือความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้น

 

อัสสเดชระบุว่า การคาดการณ์การเคลื่อนไหวตัวเลขดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นคาดเดาได้ยากว่าจะไปในทิศทางใด โดยขึ้นกับการพิจารณาตัดสินใจของผู้ลงทุน

 

แต่ยืนยันว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะคอยมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง และสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาศักยภาพของตลาดทุนไทยในระยะสั้น และพร้อมที่จะปรึกษาหารือกันตลอดเวลาเพื่อตัดสินใจดำเนินมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ

 

“มีข้อดีอันหนึ่งที่ไม่ว่าอะไรก็ตามจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ธุรกิจเดินต่อได้ เพราะฉะนั้นให้คำแนะนำกับนักลงทุนว่าให้วิเคราะห์ว่าข่าวสารมีผลกระทบโดยตรงต่อปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทจดทะเบียนมากน้อยแค่ไหนซึ่งเป็นการตัดสินใจจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจนั้นๆ และควรพึ่งพานักวิเคราะห์ในการให้คำแนะนำ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหน้าที่ผลักดันให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ได้เต็มที่” อัสสเดชกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising