สหรัฐฯ ตัดสินใจโจมตีเป้าหมายสถานที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ที่สำคัญของอิหร่าน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความกังวลว่าอาจยกระดับความขัดแย้งและสงครามในตะวันออกกลาง
ตอนนี้เรารู้อะไรแล้วบ้าง
ทรัมป์ยื่นคำขาด อิหร่านต้องเลือก ‘สันติภาพ’ หรือ ‘ถูกโจมตีหนักขึ้น’
- ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แถลงต่อชาวอเมริกันและโลก ยืนยันว่า สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการโจมตีเป้าหมายสถานที่นิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน (ฟอร์โด, นาตันซ์ และอิสฟาฮาน) พร้อมย้ำว่า เวลานี้อิหร่านต้องยอมทำข้อตกลงสันติภาพ มิเช่นนั้นสหรัฐฯ จะโจมตีอิหร่าน “หนักหน่วงขึ้น”
- “จำไว้ว่า ยังมีอีกหลายเป้าหมายหลงเหลืออยู่ ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ยากลำบากที่สุดของพวกเขา (อิหร่าน) และบางทีอาจจะสร้างความเสียหายมากที่สุด แต่หากสันติภาพไม่มาในเร็ววัน เราจะเดินหน้าโจมตีเป้าหมายที่เหลือด้วยความแม่นยำ รวดเร็ว และด้วยทักษะ” ทรัมป์กล่าว
- ช่วงท้ายของการแถลงนาน 4 นาที ทรัมป์กล่าวว่า มีผู้คนหลายพันคนที่เสียชีวิตจาก กอเซ็ม สุไลมานี อดีตผู้บัญชาการทหารกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) (ที่ถูกสหรัฐฯ ปลิดชีพเมื่อปี 2020) “ผมตัดสินใจเมื่อนานมาแล้วว่า ผมจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก” นอกจากนี้ทรัมป์ยังแสดงความยินดีกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กับความสำเร็จในปฏิบัติการครั้งนี้ และบอกว่า สหรัฐฯ และอิสราเอลทำงาน ‘เป็นทีม’ เพื่อกำจัด ‘ภัยคุกคามที่เลวร้าย’ ต่ออิสราเอล
สหรัฐฯ ใช้อะไรโจมตีเป้าหมาย
- มีรายงานว่า สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-2 ที่มีคุณสมบัติหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ เข้าไปทิ้งระเบิดโจมตีสถานที่ตั้งของโครงการนิวเคลียร์ที่สำคัญในอิหร่าน หนึ่งในนั้นคือฐานนิวเคลียร์ใต้ดินในฟอร์โด โดยมีการใช้ระเบิด GBU-57 ในปฏิบัติการครั้งนี้
- GBU-57 หรือ ‘Bunker Buster’ เป็นระเบิดทำลายล้างสูงที่ออกแบบมาให้สามารถเจาะทะลุทะลวงลงไปใต้ดินหรือในภูเขาลึกถึง 60 เมตร เป็นอาวุธที่อิสราเอลเรียกร้องให้สหรัฐฯ นำมาใช้เพื่อทำลายฐานนิวเคลียร์และอุโมงค์ใต้ดินของอิหร่าน โดยอาวุธของอิสราเอลที่มีอยู่ยังไม่สามารถทำได้
- BBC อธิบายหลักการใช้ระเบิด GBU-57 ว่า เป็นการปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ขณะบินอยู่เหนือเป้าหมายที่ความสูงราว 12 กิโลเมตร ซึ่งตัวระเบิดไม่มีเครื่องยนต์ แต่เมื่อทิ้งจากระดับความสูงมาก จะสามารถทำความเร็วขณะตกสู่เป้าหมายได้ และใช้ดาวเทียมในการนำทางด้วยครีบที่ส่วนหางของระเบิด และด้วยน้ำหนักที่มากถึง 13.6 ตัน จะสร้างพลังงานจลน์มหาศาลเมื่อตกลงสู่พื้นแล้ว เมื่อระเบิดทะลวงลึกลงไปใต้ดินถึงเป้าหมายแล้วจะมีการจุดชนวนระเบิดขนาด 2,400 กิโลกรัม ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างสูง
- B-2 แต่ละลำ สามารถบรรทุกระเบิด GBU-57 ได้ 2 ลูก โดยสามารถเข้าไปทำลายเป้าหมายในอิหร่านโดยขึ้นบินจากฐานทัพในสหรัฐฯ หรือจากดิเอโกการ์เซียในมหาสมุทรอินเดีย หากเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ
ความเสียหายของอิหร่าน
- เจ้าหน้าที่อิหร่านยืนยันว่า สถานที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านถูกโจมตีจริง
- สำนักข่าวทางการของอิหร่านรายงานว่า บางส่วนของฐานนิวเคลียร์ฟอร์โด ‘ถูกโจมตีโดยศัตรู’ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันขอบเขตความเสียหาย
- สื่ออิหร่านระบุด้วยว่า ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รู้สึกถึงแรงระเบิดใดๆ ตอนนี้สถานการณ์ในพื้นที่ยังปกติดี ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้จะรายงานโดยผู้เชี่ยวชาญจากทางการต่อไป
- มาห์ดี โมฮันมัดดี ที่ปรึกษาประธานรัฐสภาอิหร่านเผยว่า อิหร่านคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าสหรัฐฯ จะโจมตีฟอร์โด ดังนั้นจึงมีการอพยพคนก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมยืนยันว่า องค์ความรู้ที่อิหร่านมีไม่อาจถูกทำลายได้ แม้สถานที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม
- สำนักงานบริหารจัดการวิกฤตในจังหวัดกอม ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานนิวเคลียร์ฟอร์โด ออกแถลงการณ์ระบุว่า การทำลายฐานนิวเคลียร์จะไม่สร้างอันตรายแก่ประชาชนในจังหวัดกอม และผู้ที่อาศัยอยู่รอบๆ
- ล่าสุดองค์การพลังงานปรมาณูอิหร่านเผยว่า ข้อมูลระบบตรวจจับรังสียังไม่พบการรั่วไหลหรือปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีจากโรงงานนิวเคลียร์ในฟอร์โด อิสฟาฮาน และนาตันซ์ พร้อมยืนยันว่า ขณะที่ยังปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่
ชนวนขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านล่าสุดคืออะไร
- ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลและอิหร่านแลกหมัดกันด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างดุเดือด จนสร้างความเสียหายกับทั้งสองฝ่าย ความตึงเครียดเปิดฉากขึ้นหลังอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการ ‘สิงโตผงาด’ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน โดยมุ่งทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยอิสราเอลอ้างว่า อิหร่านกำลังเดินหน้าเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมจนมีความบริสุทธิ์มากพอที่จะนำไปสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งอิสราเอลถือเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของประเทศ ขณะที่อิหร่านปฏิเสธเสมอมาว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในกิจการพลเรือนเท่านั้น
- ปฏิบัติการ ‘Rising Lion’ ของอิสราเอลครั้งนี้ ทำให้นายทหารและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านเสียชีวิตหลายคน ส่วนอิหร่านก็ตอบโต้ด้วยปฏิบัติการชื่อ ‘True Promise 3’ ซึ่งแม้ขีปนาวุธและโดรนส่วนใหญ่จะถูกสกัดด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ Iron Dome ของอิสราเอลและระบบป้องกันของพันธมิตร แต่ก็มีบางส่วนเล็ดลอดตกลงสู่พื้น ซึ่งสร้างความเสียหายแก่อิสราเอลเช่นกัน
- กระทรวงสาธารณสุขอิหร่านเผยว่า มีประชาชนในอิหร่านอย่างน้อย 430 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บกว่า 3,500 คน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระลอกล่าสุดปะทุขึ้น ขณะที่แหล่งข่าวองค์กรสิทธิมนุษยชนคาดว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในฝั่งอิหร่านจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา อาจสูงถึง 657 คน
- ก่อนหน้านี้อิสราเอลเรียกร้องให้สหรัฐฯ เข้าร่วมในปฏิบัติการทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ทรัมป์ระบุว่าขอเวลาตัดสินใจ 2 สัปดาห์
ท่าทีอิสราเอลและอิหร่าน
- เบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯ อิสราเอลยกย่องการโจมตีของสหรัฐฯ ในอิหร่านว่าเป็นการทำตามสัญญาของสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
- เขายืนยันด้วยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างเขากับทรัมป์ และกองทัพอิสราเอล (IDF) รวมถึงหน่วยข่าวกรอง Mossad กับกองทัพสหรัฐฯ เพื่อทำลายโครงการนิวเคลียร์ที่เป็น ‘ภัยต่อการดำรงอยู่ของอิสราเอล และเป็นอันตรายต่อสันติภาพของทั่วโลก’
- รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านระบุว่า การโจมตีของสหรัฐฯ ครั้งนี้จะเกิดผลลัพธ์ตามมา ล่าสุดยังไม่มีการตอบโต้อย่างเป็นทางการจากอยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ขณะที่อิสราเอลเผยว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธระลอกใหม่ใส่อิสราเอล มีรายงานผู้บาดเจ็บหลายคน และมีเสียงระเบิดดังขึ้นในเยรูซาเลม
- หน่วยงานด้านพลังงานปรมาณูของอิหร่านประณามการโจมตีของสหรัฐฯ ว่าขัดกฎหมายระหว่างประเทศ และประกาศว่า อิหร่านจะไม่หยุดพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ ขณะเดียวกันก็กล่าวหาทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ของ UN ด้วยว่ามีส่วนรู้เห็นกับปฏิบัติการของสหรัฐฯ
ท่าทีนานาชาติ
- อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เตือนว่า เวลานี้ความตึงเครียดยกระดับสู่ขั้น ‘อันตราย’ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งยกระดับเร็วจนควบคุมไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพลเรือน ภูมิภาคตะวันออกกลาง และโลก
- เขายังเรียกร้องให้มีการเจรจาทางการทูตโดยเร็ว พร้อมย้ำว่า ความขัดแย้งไม่สามารถแก้ไขด้วยมาตรการทางทหาร ความหวังเดียวสำหรับสันติภาพก็คือประตูการทูต
- เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ระบุว่า การโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่าน (เมื่อ 13 มิถุนายน) ก่อนหน้าการเจรจานิวเคลียร์รอบใหม่กับสหรัฐฯ เป็นการ ‘บ่อนทำลายกระบวนการเจรจา’ และพิสูจน์ว่า อิสราเอลเป็น ‘อุปสรรคสำคัญ’ ของสันติภาพในตะวันออกกลาง
จับตาตะวันออกกลาง สงครามยกระดับหรือไม่
- ฮาคิม เจฟฟรีย์ส ผู้นำเสียงข้างน้อยของเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เตือนว่า การที่ทรัมป์สั่งการโดยไม่ขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน ทำให้ทรัมป์ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมา
- เขายังเตือนด้วยว่า การโจมตีฐานนิวเคลียร์ครั้งนี้ ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้สงครามในตะวันออกกลางยกระดับขึ้น พร้อมกับวิจารณ์ว่า ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลาง แต่เขาก็ไม่สามารถทำตามที่ลั่นวาจาไว้ได้
- ขณะที่ ผศ. ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ความเห็นกับ THE STANDARD ว่า เวลานี้อิหร่านถูกบีบอย่างมาก แต่ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า ‘ได้เวลาสันติภาพ’ ซึ่งก็สะท้อนว่า เขาไม่ต้องการเข้าสู่สงคราม หากทุกอย่างหยุดอยู่แค่นี้ “เราต้องรอดูความเสียหายและการโต้กลับของอิหร่านต่อไปว่าจะมีระดับความรุนแรงเช่นไร”
- “อิหร่านอยู่ในจุดที่คล้ายสถานการณ์หลังสหรัฐฯ สังหารนายพลกอเซ็ม สุไลมานี เมื่อปี 2020 ที่ต้องตัดสินใจว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ หรือไม่อย่างไร สุดท้ายตอนนั้นอิหร่านตอบโต้ไปที่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรัก เชื่อว่าครั้งนี้อิหร่านจะตอบโต้เช่นกัน แต่จะมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง และต้องดูว่าบานปลายหรือไม่” ดร. มาโนชญ์ กล่าว
ภาพ: DigitalGlobe via Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/live/ckg3rzj8emjt
- https://www.aljazeera.com/news/liveblog/2025/6/22/live-us-joins-israels-attacks-on-iran-bombs-three-nuclear-sites?update=3790889