ณ เวลานี้ วงการลักชัวรีกำลังอยู่เจอความท้าทายใหม่ๆ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ทำให้ยอดขายเริ่มชะลอตัว หลังจากที่ช่วง Post-COVID ปี 2022-2023 แต่ละแบรนด์ต่างทำตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่หมวดสินค้าที่กลับสวนทางและยังคงเติบโตเรื่อยๆ ก็คือกลุ่มเครื่องประดับทั้งในส่วน Fine Jewelry และ High Jewelry ซึ่งยังถือว่าตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนและคุณภาพสินค้า
โดย BVLGARI ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์นั้น การันตีด้วยการเพิ่งเปิดหนึ่งในโรงงานผลิตจิวเวลรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 33,000 ตารางเมตร ที่ Valenza ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี รวมถึงล่าสุดกับการเปิดตัวคอลเล็กชันเครื่องประดับ High Jewelry ใหม่ประจำปี 2025 สุดยิ่งใหญ่ ในชื่อ Polychroma ณ เมือง Taormina บนเกาะซิซิลี โดยมีการรังสรรค์กว่า 250 ชิ้นใหม่ ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ซึ่งที่งานเปิดคอลเล็กชัน Polychroma ทาง THE STANDARD POP ก็ได้รับเกียรติไปร่วมด้วยและสัมภาษณ์พูดคุยกับ Laura Burdese หญิงแกร่งในตำแหน่ง Deputy CEO ของ BVLGARI ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมลักชัวรีกับผลลงานที่ Calvin Klein, Swatch Group, Acqua di Parma และก็ L’Oreal
Laura Burdese ได้ตอบหลายประเด็นตั้งแต่เบื้องหลังคอลเล็กชัน Polychroma, บทบาทการเป็นผู้นำของเธอที่ไม่ได้ผู้หญิงหลายคนได้ก้าวมาถึงจุดนี้ รวมถึงความสำคัญของตลาดประเทศไทยต่อ BVLGARI และ LISA ที่มาร่วมงานเปิดในครั้งนี้ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนสำคัญ
Laura Burdese, Priyanka Chopra Jonas และ Jean-Christophe Babin ที่กาล่าดินเนอร์เปิดตัวคอลเล็กชัน Polychroma ของ BVLGARI ณ เมือง Taormina เกาะซิซิลี
รู้สึกอย่างไรที่คอลเล็กชันเครื่องประดับชั้นสูง Polychroma จะได้เปิดตัววันนี้
ภูมิใจและตื่นเต้นมากๆ เหมือนความฝันที่กลายเป็นจริง เราทำงานกับคอลเล็กชันนี้มาประมาณ 2 ปีครึ่ง เกือบ 3 ปีแล้ว เป็นการเดินทางที่ยาวนานและน่าตื่นเต้นสุดๆ หลังจากที่เราเฉลิมฉลองครบรอบ 104 ปีกับ Serpenti ที่กรุงโรมเมื่อปีที่แล้ว พวกเราก็อยากจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ผลักขีดจำกัดของตัวเองให้ไกลยิ่งขึ้น และเราทุกคนในทีมก็เห็นตรงกันว่า ถ้าจะทำอะไรที่เป็น “BVLGARI” อย่างแท้จริง เราต้องเล่าเรื่องผ่าน “สี” จึงเกิดแนวคิด “Polychromy” คือการเล่าเรื่องผ่านเฉดสีอันหลากหลาย โดยได้แรงบันดาลใจจากกรุงโรม เมืองที่เป็นหัวใจของแบรนด์ สีสันคือสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ และเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเรา
วันนี้เราได้สถานที่ที่ใช่ บรรยากาศที่ใช่ และค่ำคืนนี้คุณจะได้เห็นเวทีที่เราตั้งใจออกแบบไว้เพื่อถ่ายทอดตัวตนของ BVLGARI ได้อย่างเต็มที่ที่สุด
อยากให้เล่าถึงบทบาทการเป็น Deputy CEO ของแบรนด์ BVLGARI หน่อยว่าต้องทำอะไรบ้าง
ปัจจุบันฉันดูแลหลายแผนกเลย ทั้งฝ่ายการตลาด, การสื่อสาร, การออกแบบร้านค้าปลีก (Retail Design) ซึ่งฉันเคยดูแลในฐานะ CMO มาก่อน และเมื่อปีที่แล้ว ฉันก็ได้เข้ามาดูแลรับผิดชอบหน่วยธุรกิจหลักทั้งหมดของแบรนด์ ทั้งกลุ่มจิวเวลรี, นาฬิกา, เครื่องประดับแฟชั่น และน้ำหอม
พูดง่ายๆ คือหน้าที่หลักของฉันคือการทำให้ทุกทีมทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนวงออร์เคสตราที่ต้องเล่นให้ประสานกัน เพื่อให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า “One Brand Approach” หรือการยกระดับแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้นอย่างมีเอกภาพ ในขณะเดียวกันก็ต้องเปิดพื้นที่ให้แต่ละหมวดหมู่สินค้า และครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแต่ละกลุ่ม ได้ถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์ผ่านมุมมองและจินตนาการของตัวเองได้อย่างเต็มที่ มันคือการบาลานซ์ให้ดีระหว่าง “อิสระในการสร้างสรรค์” กับ “อัตลักษณ์ของแบรนด์ระดับโลก” ซึ่งเราต้องรักษาไว้ให้ชัดเจนเสมอ
เครื่องประดับ High Jewelry คอลเล็กชัน Polychroma ของ BVLGARI
ความทรงจำแรกของคุณกับ BVLGARI คืออะไร
ต้องบอกเลยว่าเป็นความทรงจำที่มีความรู้สึกผูกพันมากๆ เพราะคุณแม่ของฉันเคยมีเครื่องประดับ BVLGARI อยู่สองชิ้น ซึ่งตอนนี้ก็คงจะเป็นของวินเทจไปแล้ว ฉันเสียคุณแม่เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งมันก็เป็นความทรงจำที่ลึกซึ้ง และ BVLGARI เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของครอบครัว เป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำดีๆ ที่ฉันมีต่อผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นทั้งแม่ ทั้งแบบอย่างของฉัน
ฉันเริ่มรักแบรนด์นี้ตั้งแต่ยังเล็กเลย ไม่ใช่แค่เพราะความสวยงามของเครื่องประดับ แต่เพราะมันเชื่อมโยงกับคนที่ฉันรักและเคารพมากที่สุดในชีวิต
และคิดว่าคุณแม่จะรู้สึกยังไงกับการที่ที่เราได้มาอยู่ตำแหน่งนี้ที่ BVLGARI?
ก็หวังว่าท่านคงจะภูมิใจมากๆ ในอีกมุมนึงฉันก็เชื่อว่าท่านคงจะมองมาที่ฉันพร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ทำให้ดีที่สุดนะ”
BVLGARI มักเลือกโรมเป็นที่เปิดตัวคอลเล็กชัน High Jewelry ใหม่ประจำปี แต่ทำไมครั้งนี้เลือกเมือง Taormina บนเกาะซิซิลี?
เพราะตั้งแต่ตอนที่เราคิดธีม Polychroma ซึ่งพูดถึงความหลากหลายของสี วัสดุสี การจับคู่สี และรูปทรงที่ไร้ขีดจำกัดนี้ เราก็รู้ทันทีว่า Taormina คือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่นี่คืออัญมณีที่ตั้งอยู่ระหว่างท้องฟ้า ทะเล และภูเขาไฟ เต็มไปด้วยเฉดสีจากธรรมชาติที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
และในอีกแง่หนึ่ง ประวัติศาสตร์ของ Taormina มีความใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของ BVLGARI มาก เพราะเมืองนี้เริ่มต้นจากอาณานิคมกรีกในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ก่อนจะผ่านยุคโรมัน นอร์มัน อาหรับ สเปน ซึ่งเป็นจุดตัดของวัฒนธรรมหลากหลายมานับพันปี ซึ่งก็คล้ายกับกรุงโรม และคล้ายกับ BVLGARI เพราะผู้ก่อตั้งของเราเป็นชาวกรีกที่เดินทางผจญภัยผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนมาตั้งรกรากที่กรุงโรม
เพราะฉะนั้นเราจึงรู้สึกว่านี่แหละคือสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการเฉลิมฉลองคอลเลกชัน Polychromy ที่สวยงามนี้
แฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Polychroma ณ Teatro Antico di Taormina
งานรังสรรค์สร้อย Polychromatic Bloom จากคอลเล็กชัน Polychroma
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ High Jewelry ของ BVLGARI โดดเด่นจากแบรนด์อื่นๆ?
ก็คงจะเป็นงานฝีมือที่ประณีตและใส่ใจของเรา DNA ของแบรนด์ และการแสดงออกที่เป็นตัวเราที่สุด
ฉันไม่คิดว่าจะมีแบรนด์ไหนที่จะเชี่ยวชาญเรื่องการเล่น “สี” และ “อัญมณี” ได้เท่าเรา และคุณรู้ไหม หลักฐานมันชัดเจนมาก ทุกคนที่เดินออกจากโชว์รูม ทุกคนเลยนะคะ พวกเขายิ้มออกมาด้วยแววตาที่เปล่งประกาย และสิ่งที่ทุกคนพูดเหมือนกันคือ “โอ้พระเจ้า นี่มัน BVLGARI ชัดๆ” นั่นแหละคือเสียงสะท้อนที่ชัดเจนที่สุด เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีก เพราะผลงานมันพูดแทนเราไปแล้ว
ตลาดไทยสำคัญต่อ BVLGARI แค่ไหน?
ตลาดไทยถือว่าสำคัญมาโดยตลอด รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดด้วย เราเปิดสาขาในไทยมานานแล้ว และถือว่าเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่แข็งแรงสำหรับแบรนด์
โดยเฉพาะประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เติบโตเร็วมาก และการที่เรามี LISA เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่าเรามองเห็นถึงความสำคัญของตลาดไทย ซึ่งผู้บริโภคในไทยมีรสนิยมเฉพาะตัว ชื่นชอบเครื่องประดับ รวมถึงแบรนด์ของเราเป็นพิเศษ
แล้วคุณมีโอกาสได้ไปประเทศไทยบ้างไหม?
ไปบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้บ่อยมากนัก แต่ก็ประมาณปีละครั้งสองครั้ง แล้วในเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะกลับไปที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง
สิ่งที่คุณชื่นชอบในกรุงเทพฯ หรือประเทศไทยคืออะไร
ฉันรักในความมีชีวิตชีวาของที่นี่ บรรยากาศมันมีสีสัน สดใส แล้วก็จัดจ้านมาก ทั้งสีสันต่างๆ ทั้งความเผ็ดร้อนของอาหาร และผู้คนที่น่ารัก ประเทศไทยเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจริงๆ ผู้คนน่ารัก เป็นมิตร พูดตรงๆ เลยว่า ฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ไป
Priyanka Chopra Jonas, Jean-Christophe Babin และ LISA ที่กาล่าดินเนอร์เปิดตัวคอลเล็กชัน Polychroma
Jean-Christophe Babin และ LISA ที่แฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Polychroma
กลับมาที่ LISA อยากให้อธิบายเพิ่มเติมว่าเธอมีบทบาทในการขับเคลื่อนแบรนด์ BVLGARI อย่างไรบ้าง?
เธอรักแบรนด์ของเรามาก เธออยู่กับเรามาหลายปีแล้ว จริงๆ เราเชื่อมั่นในตัวเธอมาตั้งแต่เนิ่นๆ และตอนนี้ก็ได้เดินทางด้วยกันมาไกลมาก ฉันคิดว่ามันยอดเยี่ยม ซึ่งไม่ใช่แค่ LISA เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Priyanka Chopra และ Anne Hathaway ด้วย ผู้หญิงเหล่านี้มีบางสิ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกเธอเป็นตัวแทนคุณค่าที่ BVLGARI ยึดถือ LISA เป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ แข็งแกร่ง มั่นใจในตัวเอง และมีเส้นทางอาชีพที่น่าทึ่ง เธอมีคุณสมบัติเชิงบวกมากมาย เหมือนกับแอมบาสเดอร์คนอื่นๆ ของเราที่ต่างก็สะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้อย่างลึกซึ้ง พวกเธอคือผู้หญิงแบบที่เราอยากส่งต่อเป็นสัญลักษณ์ ผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ความงาม และแรงบันดาลใจ
คุณนิยามความเป็นผู้นำของตัวเองไว้อย่างไร และคุณสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมอย่างไร
สำหรับฉัน ความเป็นผู้นำคือการเป็นตัวของตัวเอง ฉันเชื่อใน “Authentic Leadership” คือภาวะผู้นำที่เป็นของแท้ ไม่พยายามเป็นคนอื่น ฉันให้ความสำคัญกับคุณค่าและจุดมุ่งหมายของตัวเองเสมอ และพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ทีมของฉันมักบอกว่าแนวทางของฉันคือ “Servant Leadership” หมายถึง ผู้นำที่พร้อมจะรับใช้และสนับสนุนทีมเสมอ ทุกครั้งที่ฉันเข้าห้องประชุม คำถามแรกที่ฉันจะถามคือ “ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้าง?” เพราะฉันเชื่อว่านี่แหละคือรากฐานของการทำงานเป็นทีมที่ดี
ที่ BVLGARI เราทำทุกอย่างร่วมกันเป็นทีม แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในการทำ PR หรือจัดงานอีเวนต์ หรือแม้กระทั่งเรื่องผลิตภัณฑ์เลย แต่ฉันโชคดีที่มีทีมที่เก่งมาก และรู้ว่าจะทำงานแต่ละอย่างได้ดีกว่าฉันยังไง
หน้าที่ของฉันคือการทำให้พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ให้พื้นที่ ให้การสนับสนุน เพื่อให้แต่ละคนสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถ และความเป็นตัวเองได้ดีที่สุด แน่นอนว่าบางวันก็ง่าย บางวันก็ยาก แต่สำหรับฉัน นี่แหละคือความหมายของการเป็นผู้นำ
Liu Yifei, Priyanka Chopra Jonas และ Viola Davis สวมใส่เครื่องประดับคอลเล็กชัน Polychroma
ทำไมการที่แบรนด์ลักชัวรีมีผู้หญิงในตำแหน่งระดับสูงอย่างคุณถึงเป็นสิ่งสำคัญ?
สำหรับฉัน… ต้องขอพูดให้กว้างกว่านั้นนิดนึง เพราะฉันไม่ได้มองว่าความสำคัญอยู่ที่การมี “ผู้หญิง” อย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ “ความหลากหลาย” พูดตามตรง มันไม่ใช่แค่เรื่องเพศ ฉันรู้ว่าความคิดนี้อาจจะไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่ แต่สำหรับฉัน บริษัทต่างๆ และแบรนด์ลักชัวรีเอง ก็ควรให้ความสำคัญกับความหลากหลายให้มากขึ้น
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เรื่องเพศไปสะทีเดียว แต่รวมถึงศาสนา เชื้อชาติ ภูมิหลัง ความหลากหลายทำให้องค์กรมีมิติมากขึ้น และถ้าเราสามารถใช้ความหลากหลายนั้นให้เกิดประโยชน์ได้ เราก็จะสื่อสารกับผู้คนในวงกว้างได้อย่างลึกซึ้งและจริงใจมากขึ้น
สำหรับ BVLGARI แล้ว ความหลากหลายคือคุณค่า และเราก็พิสูจน์ผ่านโครงสร้างขององค์กร ผู้บริหารระดับสูงของเราประมาณ 65% เป็นผู้หญิง ส่วนในคณะกรรมการก็มีผู้หญิงและผู้ชายอย่างละ 50%
แต่อีกสิ่งที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ ‘ความสามารถ’ เราไม่เลือกใครเพียงเพราะเป็นผู้หญิง แต่เราเลือกคนที่มีคุณภาพ มีความสามารถ และมีคุณค่าในการทำงานร่วมกัน
ดังนั้น เราเชื่อมั่นในความหลากหลายและเราก็เชื่อมั่นในความสามารถด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่แค่การมีผู้หญิงเท่านั้นค่ะ ต้องบอกว่า ความสามารถต้องมาก่อน มันเป็นเรื่องของคุณธรรมนิยม (Meritocracy) ด้วยค่ะ แต่สำหรับฉันแล้ว ความหลากหลายคือกุญแจที่สำคัญ
ถ้าวันนี้คุณมีโอกาสได้ถามคำถามหนึ่งกับผู้ก่อตั้งแบรนด์ Sotirios Voulgaris คุณจะถามอะไร?
เป็นคำถามที่ดีมากเลย ฉันคงจะถามท่านว่า “ถ้าเป็นท่าน ท่านจะทำอะไรต่อไป?”
แล้วคุณคิดว่าท่านจะตอบว่าอะไร?
เขาน่าจะตอบว่า “เธอต้องหาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง”
ภาพ: BVLGARI, Greg Williams, Getty Images