×

สภานโยบาย อววน. เดินหน้านโยบายรับอนาคต หนุนพัฒนา AI จับมือไมโครซอฟท์ดันหลักสูตรขั้นสูง

โดย THE STANDARD TEAM
17.06.2025
  • LOADING...
รัฐไทยผลักดันนโยบาย AI จับมือไมโครซอฟท์สร้างนักพัฒนาและบุคลากร AI

วานนี้ (16 มิถุนายน) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลายวาระสำคัญ ซึ่งเป็นการนำศักยภาพด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม มาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่าง ยั่งยืน เตรียมพร้อมสำหรับการวางรากฐานอนาคต ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

ศุภมาสกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม และให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานอนาคตของประเทศ ผ่านการพลิกโฉมภาคการเกษตรด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างบุคลากรครูที่มีคุณภาพสูงเพื่อพัฒนาการศึกษาของเยาวชน และผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมเตรียมพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมดังกล่าว สิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ประเด็นสำคัญที่ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ได้แก่

 

การปฏิรูปภาคการเกษตรด้วย AI และนวัตกรรม: ที่ประชุมได้อนุมัติข้อเสนอการบูรณาการและใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อพัฒนาการเกษตรด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมอบหมายให้กระทรวง อว. เป็นกระทรวงหลัก ในการบูรณาการฐานข้อมูลกับกระทรวงต่าง ๆ ให้มีเอกภาพ เพื่อ พัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลกลางด้านการเกษตร และพัฒนาต่อยอดไปเป็นเครื่องมืออย่าง ‘AI Chatbot’ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น เช่น การพยากรณ์โรคระบาดในพืช การคาดการณ์ภาวะน้ำท่วม-ภัยแล้ง และข้อมูลราคาผลผลิต เพื่อการวางแผนการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพและสร้างรายได้ที่ดีขึ้น โดยจะนำร่องในพืชเศรษฐกิจอย่างข้าวและพืชสำหรับเลี้ยงสัตว์

 

การสร้างครูคุณภาพเพื่อพัฒนาท้องถิ่น: เห็นชอบโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2569-2582) เพื่อผลิตบัณฑิตครูคุณภาพสูงในสาขาที่ขาดแคลนและตรงตามความต้องการของพื้นที่ โดยมีเป้าหมายในการบรรจุข้าราชการครูจำนวน 17,392 คน โครงการนี้จะเน้นการสร้างครูที่มีทักษะและสมรรถนะสูงผ่านหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติจริงในโรงเรียนฝึกหัดครูเพื่อร่วมพัฒนาวิชาชีพ (TS) ซึ่งจะช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียนให้ทัดเทียมนานาชาติ

 

การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับงานวิจัยและนวัตกรรม: อนุมัติหลักการให้ 7 สถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศ เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) (สดร.) และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) สามารถนำทรัพย์สินทางปัญญาไปร่วมลงทุนต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกศักยภาพของงานวิจัยไทยให้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเกิดการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยี

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของโครงการสำคัญต่างๆ ที่จะตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น กำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์: ความก้าวหน้าโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ซึ่งมีเป้าหมายผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงกว่า 84,900 คน ภายในปี 2573 รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ (National Semiconductor Training Centers)

 

การพัฒนาทักษะด้าน AI: ความร่วมมือระหว่างกระทรวง อว. กับบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับคนไทย โดยตั้งเป้าสร้างนักพัฒนา (Developer) 50,000 คนและผู้ใช้งานขั้นพื้นฐานอีกอย่างน้อย 100,000 คน ซึ่งขณะนี้ได้บรรจุหลักสูตรไมโครซอฟท์เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาศึกษาทั่วไป (General Education) ในมหาวิทยาลัยด้วย

 

การยกระดับการผลิตเอทานอลที่ยั่งยืน: มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในประเทศให้สามารถผลิตเอทานอลที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ผ่านโครงการการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Biochemical Products) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics)

 

รวมถึงรับทราบรายงานผลกระทบของนโยบายต่างประเทศต่อแวดวงการศึกษาและ วิทยาศาสตร์ของไทย เพื่อเตรียมมาตรการเชิงรุกในการดูแลนักเรียนและนักวิจัยไทยในต่างประเทศ และ รับทราบความก้าวหน้าในการเตรียมจัดงานประชุมวิชาการเพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือ 50 ปี ไทย-จีน ซึ่งเน้นย้ำความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างสองประเทศ ผ่านการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือหรือศูนย์วิจัย Joint Lab) ไทย-จีน โดยเฉพาะในด้านอวกาศและปัญญาประดิษฐ์ เช่น Remote Sensing Data Center ระหว่าง China National Space Administration (CNSA) และ GISTDA และการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้าน AI เป็นต้น

 

“การตัดสินใจในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลพร้อมจะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยงานวิจัย นวัตกรรม และกำลังคนที่มีคุณภาพ เป็นกลไกหลักในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising