อัตราเงินเฟ้อติดลบ 0.57% ในเดือนพฤษภาคม เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน กระทรวงพาณิชย์ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีเหลือ 0.5% จาก 0.8% แต่ยืนยันไทยไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด คาดเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนพลิกบวกอยู่ในกรอบราว 0.2-0.4% สะท้อนเงินเฟ้อไทยจะอยู่ระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (6 มิถุนายน) พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ของไทย เดือนพฤษภาคม 2568 ลดลง 0.57% (YoY) นับเป็นการติดลบ 2 เดือนติดต่อกัน สะท้อนเงินเฟ้อไทยอยู่ระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
เปิดตัวเลขเงินเฟ้อย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีนี้
- มกราคม 2568: 1.32%
- กุมภาพันธ์ 2568: 1.08%
- มีนาคม 2568: 0.84%
- เมษายน 2568: -0.22%
- พฤษภาคม 2568: -0.57%
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมติดลบมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด และผลไม้สด จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย
รวมทั้งมีการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
เงินเฟ้อไทยต่ำสุดในอาเซียน ต่ำอันดับ 7 ของโลกในเดือนเมษายน
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายน 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.22% (YoY) อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 7 จาก 133 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และ สปป.ลาว)
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 1.09% (YoY) เร่งตัวขึ้นจากเดือนเมษายน 2568 ที่สูงขึ้น 0.98% (YoY)
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ย 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สูงขึ้น 0.48% (AoA)
ยืนยันไทยไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด คาดเงินเฟ้อเดือนหน้าพลิกบวก
โดยพูนพงษ์ยืนยันว่า ไทยไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน 2568 สนค. คาดว่าอยู่ในกรอบราว 0.2-0.4% นับว่าอยู่ระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่
- ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกัน ซึ่งส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชนให้เพิ่มขึ้น
- ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
- ฐานของราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น มะพร้าว, มะขามเปียก, กาแฟ, เกลือป่น, น้ำมันพืช และเนื้อสุกร
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 จากเดิมอยู่ที่ระหว่าง 0.3-1.3% (ค่ากลาง 0.8%) เป็นระหว่าง 0.0-1.0% (ค่ากลาง 0.5%) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง