ย้อนกลับไปเมื่อซัมเมอร์ปี 2022 แอนโทนีคือหนึ่งในความหวังใหม่ของแนวรุกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แข้งพรสวรรค์สูงจากแดนแซมบ้าที่ถูก เอริก เทน ฮาก ดึงตัวมาจากอาแจ็กซ์ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 82 ล้านปอนด์
หลายคนเชื่อว่าเขาจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในยุคใหม่ของ ‘ปีศาจแดง’ ฝีเท้าอันจัดจ้าน เทคนิคแพรวพราว และสายสัมพันธ์กับผู้จัดการทีมที่เคยร่วมงานกันมา คือเหตุผลที่ทั้งแฟนบอลและสโมสรต่างคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์คนต่อไปของพรีเมียร์ลีก
แต่แทนที่ชีวิตค้าแข้งในอังกฤษจะกลายเป็นบทพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ มันกลับค่อยๆ พาแอนโทนีเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต
“ผมไม่มีความสุขเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายไป ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่อยากเล่นฟุตบอลอีกต่อไป” เขาเปิดใจกับ TNT Sports Brazil
แอนโทนีเล่าว่า เขาเริ่มรู้สึกหมดไฟ ถูกเสียงวิจารณ์ซัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง ฟอร์มในสนามไม่เป็นไปตามที่หวัง และชีวิตนอกสนามก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก จนถึงจุดที่เขาไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
“ผมอยู่แต่ในห้อง บางวันไม่ได้กินอะไรเลย ผมไม่มีแรงจะลุกจากเตียง ไม่แม้แต่จะเล่นกับลูกชายตัวเอง มันเลวร้ายกว่าที่ใครจะเข้าใจได้”
ในฤดูกาลล่าสุด เขาลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 14 นัดภายใต้การทำทีมของทั้ง เทน ฮาก และ รูเบน อโมริม ที่เข้ามารับช่วงต่อ แต่ผลงานก็ยังไม่กระเตื้อง นั่นทำให้ความรักในเกมฟุตบอลที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตค่อยๆ เลือนรางลงไป
“ผมบอกพี่ชายว่าผมไม่ไหวแล้ว ผมอยากเลิกทุกอย่าง เขาบอกให้ผมอดทนอีกนิด บอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ผมร้องไห้ตอนนั้นเลย มันเป็นช่วงเวลาที่ยากจริงๆ”
การย้ายมาอยู่กับเรอัล เบติส ด้วยสัญญายืมตัว กลายเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิต เขากลับมาลงสนามด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง เล่นด้วยความสุขเหมือนตอนเป็นเด็กที่ได้สัมผัสลูกบอล
เขาทำไป 9 ประตู 5 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญพาทีมจบอันดับ 6 ของตารางลาลีกา และเข้าชิงยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีกกับเชลซีในวรอตซวาฟช่วงกลางสัปดาห์นี้
และตอนนี้แอนโทนีไม่ได้แค่กลับมาเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น แต่เขายังค้นพบความหมายของชีวิตอีกครั้ง ชีวิตที่เคยเกือบจะหมดแรงจะสู้
“ทุกอย่างที่ผมผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าครอบครัวสำคัญแค่ไหน พระเจ้าสำคัญแค่ไหน และผมรักฟุตบอลมากแค่ไหน”
วันนี้เขาไม่ได้แค่กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยรอยยิ้ม
แต่เขากำลังทำหน้าที่อย่างเต็มที่บนสนาม เพื่อเยียวยาหัวใจที่เคยแตกสลาย ให้กลับมาเป็นแอนโทนีคนเดิม…คนที่รักเกมฟุตบอลอีกครั้ง
อ้างอิง: