สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ ฟรีดริช เมิร์ตซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยแสดงความพร้อมของจีนในการร่วมมือกับเยอรมนี เพื่อเปิดบทใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน ผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหภาพยุโรปให้ก้าวหน้า และมีส่วนช่วยเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
ผู้นำจีนกล่าวแสดงความยินดีอีกครั้งต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมชี้ว่า ในยุคที่โลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความปั่นป่วนในเวทีระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์จีน-เยอรมนี รวมถึงจีน-ยุโรป จึงยิ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น
การสนทนาระหว่างสีกับเมิร์ตซ์เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีจีนเพิ่งพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อวันพฤหัสบดี (22 พฤษภาคม) โดยสีเรียกร้องให้จีนและฝรั่งเศสเป็น ‘พลังที่เชื่อถือได้’ ในการรักษาระเบียบโลก ‘พลังเปิดกว้าง’ เพื่อส่งเสริมการเติบโต และ ‘พลังก้าวหน้า’ ในการขับเคลื่อนความร่วมมือพหุภาคี
ขณะเดียวกันยังมีการพบหารือระหว่าง หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กับ แคสปาร์ เฟลด์แคมป์ รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วม 6 ประการ รวมถึงการร่วมมือในประเด็นเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ สนับสนุนการค้าเสรี ระบบพหุภาคีภายใต้ WTO และการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมสีเขียว
ผู้เชี่ยวชาญชี้ ความสัมพันธ์จีน-ยุโรปเชิงลึกช่วยสร้างเสถียรภาพให้โลก
เจียงเฟิง ศาสตราจารย์ด้านยุโรปศึกษา มหาวิทยาลัยการศึกษาต่างประเทศเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า ความถี่ในการพบปะระดับสูงระหว่างผู้นำจีนกับยุโรปช่วยเสริมความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นทางการเมือง และปูพื้นฐานสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว ท่ามกลางวิกฤตความมั่นคง เศรษฐกิจซบเซา และความขัดแย้งภายในที่เพิ่มขึ้นในยุโรป ยุโรปและจีนมีความสอดคล้องกันในฐานะเศรษฐกิจเปิดที่ยึดมั่นในระบบพหุภาคี โดยสามารถเสริมกันได้ในด้านการค้า การจ้างงาน และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งล้วนส่งเสริมเสถียรภาพและความก้าวหน้าในระดับโลก
สีเสนอ 3 แนวทางขยายความร่วมมือจีน-เยอรมนี
ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า จีนมองเยอรมนีเป็นหุ้นส่วนที่แท้จริง และขอให้ทั้งสองฝ่ายรักษาประเพณีความสัมพันธ์ที่อิงบน “การเคารพซึ่งกันและกัน การแสวงหาจุดร่วม และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน” โดยมีข้อเสนอหลัก 3 ประการ ได้แก่
- เสริมสร้างความเชื่อมั่นทางการเมือง – จีนพร้อมสานต่อการแลกเปลี่ยนระดับสูง เคารพผลประโยชน์หลักของกันและกัน และสร้างรากฐานทางการเมืองที่มั่นคง
- เพิ่มความยืดหยุ่นของความสัมพันธ์ทวิภาคี – ส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น รถยนต์ วิศวกรรม เครื่องจักร และเคมี พร้อมขยายสู่เทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น AI และควอนตัม รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- รักษาแรงส่งของความร่วมมือ – จีนยินดีแบ่งปันโอกาสจากการเปิดประเทศระดับสูง พร้อมขอให้เยอรมนีสนับสนุนการลงทุนสองทาง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรม โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติสำหรับภาคธุรกิจจีน
ด้านนายกรัฐมนตรีเมิร์ตซ์กล่าวว่า เยอรมนียึดมั่นในนโยบายจีนเดียว และให้ความสำคัญกับการขยายความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์กับจีน โดยหวังพัฒนาเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมร่วมมือในเวทีโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การค้าเสรี และสันติภาพโลก
เสริมพลังเศรษฐกิจโลกผ่านความร่วมมือข้ามทวีป
ซุนเค่อฉิน นักวิจัยจากสถาบันวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัยจีน ระบุว่า ความสัมพันธ์จีน-เยอรมนีมีลักษณะ “เสริมกัน” ทั้งในภาคการผลิตและการส่งออก และหากดำเนินไปอย่างมั่นคงจะช่วยลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ ได้อย่างมาก
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า มูลค่าการค้าสินค้าระหว่างจีน-เยอรมนีในปี 2024 อยู่ที่ 201,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เยอรมนีเป็นประเทศในอียูที่ลงทุนในจีนมากที่สุด และยังเป็นจุดหมายหลักของการลงทุนจากจีน โดยในปี 2023 บริษัทจีนเปิดโครงการลงทุนโดยตรงในเยอรมนีถึง 200 โครงการ เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2017
มองไปข้างหน้าในวาระครบรอบ 50 ปี จีน-อียู
ประธานาธิบดีสีย้ำว่า ความเป็นหุ้นส่วนคือทิศทางที่ถูกต้องของความสัมพันธ์จีน-เยอรมนี และจีน-อียู โดยปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งควรใช้โอกาสนี้เพื่อส่งสัญญาณสนับสนุนการค้าเสรี ระบบพหุภาคี และความร่วมมือที่เปิดกว้างอย่างเป็นรูปธรรม
เมิร์ตซ์กล่าวเสริมว่า เยอรมนีพร้อมเป็น ‘พลังบวก’ ในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์อียู-จีนที่มั่นคง สุขภาพดี และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
นักวิชาการจีนระบุว่า การเปิดบทใหม่ของความร่วมมือจีน-เยอรมนีในระดับยุทธศาสตร์ เป็นโอกาสในการส่งเสริม “การเปิดกว้างและความเชื่อมั่น” ซึ่งโลกยุคปัจจุบันยังขาดแคลนอย่างมาก ทั้งนี้ การสื่อสารใกล้ชิดระหว่างผู้นำจีน-ยุโรป จึงมีความสำคัญยิ่งในการรักษาระบบพหุภาคีและการค้าเสรีในระดับโลก
ภาพ: Photo by Mateus Bonomi / Anadolu via Getty Images, Photo by Attila Husejnow / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: