×

3 ปี ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น จีน ยุโรป ขอลงทุน EV ในไทยพุ่ง 644 โครงการ 2.8 แสนล้านบาท

15.05.2025
  • LOADING...

ไทยพร้อมประกาศศักยภาพเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่ฮับยานยนต์ไฟฟ้า ชี้ 3 ปี (65-67) มีบริษัทชั้นนำทั้งค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น จีน ยุโรป ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม xEV กว่า 644 โครงการ สร้างมูลค่ารวม 2.8 แสนล้านบาท ขณะที่ 6 ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ยึดไทยฐานผลิต ท่ามกลางความไม่แน่นอนสงครามการค้า

 

วันที่ 15 พ.ค. พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย ที่สะท้อนผ่านการลงทุนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำถึงโอกาสและความท้าทายที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยจะต้องเร่งปรับตัว เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการขยายธุรกิจ และเชื่อมต่อกับ Supply Chain ระดับโลกผ่านนักลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย 

 

พร้อมทั้งได้ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังและเตรียมพิจารณามาตรการใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้สามารถเปลี่ยนผ่านและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

“ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อตลาดสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานของโลกกำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ความโกลาหลนี้ แม้ว่าจะท้าทายและมีผลกระทบกับผู้ประกอบการอย่างมาก แต่ก็ถือเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมไทยในการแทรกตัวเข้าสู่ Supply Chain ของโลก”

 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOT) กล่าวในเวทีสัมมนา ‘BOI SYMPOSIUM: Shaping the Future of xEV in Thailand’ ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ใน Supply Chain กว่า 2,000 บริษัท และมีการจ้างงานกว่า 9 แสนคน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2565-2567) ความนิยมในรถยนต์ xEV ไม่ว่าจะเป็น BEV, PHEV และ HEV ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ xEV 84,500 คัน ในปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 206,000 คัน ในปี 2567 

 

โดยเฉพาะยอดคำขอการลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในการผลิตรถยนต์ xEV และชิ้นส่วน จำนวน 644 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 2.8 แสนล้านบาท

 

“ภูมิทัศน์การค้าและการลงทุนโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนต้องปรับตัวครั้งใหญ่ โดยรัฐบาลไทยและ BOI ได้ออกมาตรการสนับสนุนอย่างรอบด้าน”

 

นฤตม์กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีหลากหลาย ซึ่งรัฐบาลและ BOI ได้ออกมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และสามารถเสริมความแข็งแกร่งของไทยในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาค นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้มีบทบาทมากขึ้นใน Supply Chain ระดับโลก

 

ขณะเดียวกัน เวที BOI SYMPOSIUM 2025: Shaping the Future of xEV in Thailand: Opportunities for Innovation and Growth มีค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ 6 ราย จากญี่ปุ่น จีน และยุโรป ได้แก่ โตโยต้า, ฮอนด้า, เอ็มจี, ฉางอาน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ขึ้นเวทีเสวนา ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทาน ในหัวข้อ Future Directions of xEV Industry Development and Supply Chain Integration: Opportunities and Challenges for Thai Entrepreneurs to Compete in the Global Market

 

มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Future Mobility) จะมุ่งสู่พลังงานไฟฟ้า ดิจิทัล และความยั่งยืน ดังนั้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่เพียงแต่นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ครบทุกประเภท แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์สันดาปภายใน และช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า 100%

 

พร้อมเร่งเจรจา FTA ไทย-อียู เพิ่มโอกาสทางการค้าและการส่งออก

 

เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต คือเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูถือเป็นพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ในปี 2025 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป กำลังมุ่งหน้าสู่หมุดหมายสำคัญด้วยการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 1.5 ล้านคันทั่วโลก และในปีเดียวกันนี้ บีเอ็มดับเบิลยูเตรียมเปิดตัว Neue Klasse ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเจเนอเรชันใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานไฟฟ้า และเศรษฐกิจหมุนเวียน และบีเอ็มดับเบิลยูพร้อมจับมือกับซัพพลายเออร์ เพื่อพัฒนาระบบดิจิทัล โลจิสติกส์ และไอที ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือกับความผันผวนของการค้าโลกที่เกิดขึ้น และทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

 

โคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้ามีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ HEV และ BEV อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเปิดตัว Honda 0 Series รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่สู่ตลาดโลกในปี 2026 

 

สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญนั้น ฮอนด้าจะช่วยผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมและระบบนิเวศของ xEV โดยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนรัฐบาลในการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทยให้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกัน โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพราะฮอนด้าเชื่อว่าบุคลากรเป็นหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังเช่นที่ได้วางรากฐานบุคลากรให้กับรถยนต์สันดาปภายใน ตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา

 

โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มตลาด BEV ทั่วโลกเริ่มชะลอตัวลง ในขณะที่ตลาด HEV โตขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในอาเซียน ซึ่งเห็นได้ชัดในประเทศไทย ทางโตโยต้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี HEV แต่ในขณะเดียวกันก็เตรียมแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทยปลายปีนี้ ซึ่งรถกระบะ และอีโคคาร์ 

 

ถือเป็นโปรดักต์แชมเปียนของไทยที่ยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการจะผลักดันให้ไทยเป็นฐานผลิตที่แข็งแกร่งของ xEV จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการสร้างตลาดภายในประเทศให้แข็งแกร่ง รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

 

สุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี (MG) กล่าวว่า ตลาด xEV ไทยขยายตัวรวดเร็วและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็นการเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้นโยบายมุ่งสู่ความยั่งยืน โดย MG พร้อมยกระดับซัพพลายเชนในประเทศ ผ่านความร่วมมือและถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย และผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตและส่งออก xEV ของอาเซียน 

 

กวนซิน รองประธาน บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้ม xEV ในตลาดโลกยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าการใช้ xEV ทั่วโลก จะมีสัดส่วน 40% ของการใช้รถยนต์ทั้งหมด ในปี 2028 ซึ่งรวมถึงตลาดในประเทศไทยด้วย 

 

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV, HEV และ PHEV ยังมีทิศทางเติบโต และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากภาครัฐ ฉางอานมีความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ โดยเฉพาะในโรงงานที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานในต่างประเทศแห่งแรกของฉางอาน และมีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากร ถ่ายทอดเทคโนโลยี การใช้แรงงาน และชิ้นส่วนในประเทศเพื่อยกระดับไทยให้เป็นฐานผลิตที่แข็งแกร่งของฉางอานในอนาคต

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising