วันนี้ (19 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการติดตามการดำเนินงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และรับฟังสรุปภาพรวมสถานการณ์หมอกควัน ฝุ่น PM2.5 รวมถึงการเฝ้าระวังไฟป่า ที่ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้มาติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ซึ่งปีนี้อาจจะหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เพราะมีฝุ่นควันที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่จากการบูรณาการของทุกหน่วยงาน รวมถึงการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เรื่องการเผาและการเกิดไฟป่า และนำกฎหมายที่มีอยู่มาบังคับใช้อย่างจริงจังมากขึ้น ทำให้ปีนี้ค่าฝุ่นควันลดลงอย่างมาก รวมกันทั้งประเทศลดลง 16% และบางพื้นที่ลดลงกว่า 20% ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“ในช่วง 60 วันต่อจากนี้ ปลัดกระทรวงรายงานว่าจะเป็น 60 วันอันตราย ฝุ่นควันจะเยอะ เพราะฝนที่เป็นตัวช่วยเรื่องฝุ่นจะซาลงและจะมีฝนช่วงเดือนพฤษภาคม เราได้แจ้งเตือนและให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ให้ระมัดระวัง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขต้องช่วยดู โดยเฉพาะกับบุคคลที่จะมีความเสี่ยงบริเวณแนวชายแดนจะต้องสนับสนุนช่วยเหลือเรื่องหน้ากากอนามัย เชื่อว่าทุกหน่วยงานรับผิดชอบดูแลอยู่” นายกรัฐมนตรีกล่าว
แพทองธารกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบกลาง 620 ล้านบาทให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำไปช่วยเหลือ ทำให้จุดความร้อนและการเกิดไฟไหม้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าจะจัดการได้ดีในปีต่อไป
ส่วนการติดตามความคืบหน้าในเรื่องฝุ่นควันเนื่องจากเป็นวาระแห่งชาติ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนนั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ พยายามทำให้ดีขึ้นในทุกเดือน และประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศเพื่อขอความร่วมมือ ขอให้ประชาชนสบายใจว่าปัญหา PM2.5 กำลังจะดีขึ้น