โครงการ YALPI (Young ASEAN Leaders Policy Initiatives) 2025 หรือ YALPI 2025 เป็นโครงการภายใต้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นโดยนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นครั้งที่ 9 ในช่วงวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2568 มีรูปแบบกิจกรรมเป็น International Conference ของกลุ่มนักเรียน นักศึกษาในประเทศกลุ่มอาเซียนที่อายุไม่เกิน 25 ปี มาเข้าร่วม Session ต่างๆ อย่าง Keynote Lecture, Policy Workshop และ Group Discussion เพื่อร่วมระดมสมองและสร้างสรรค์ Policy Recommendation ที่มีความครอบคลุมและใช้ได้จริงในบริบทภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะเดียวกัน YALPI 2025 ก็มุ่งหวังสร้างเครือข่ายนักเรียน นักศึกษาที่สนใจในประเด็นเศรษฐกิจสังคมในภูมิภาค ASEAN ผ่านการเข้ามาร่วมพัฒนาทักษะการออกแบบนโยบายสาธารณะ กระตุ้นการมีส่วนร่วมของเยาวชนให้มีส่วนร่วมในการอภิปรายและกำหนดทิศทางนโยบายต่างๆ ที่ส่งผลต่ออนาคตของภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักถึงศักยภาพของตนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ ภายใต้บริบทของการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีอันนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์
แนวคิดภายใต้ธีมประจำปีนี้ เกิดจากมุมมองที่ว่า ปัจจุบันมีกระแสการใช้ AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างแพร่หลายในทางเศรษฐกิจและสังคม ความก้าวหน้าและแพร่หลายของเทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของผู้คน นำไปสู่ความจำเป็นในการเรียนรู้ถึงอิทธิพล ประโยชน์ และผลกระทบของการนำ AI เข้ามาใช้ โดยเฉพาะในส่วนของภาคเศรษฐกิจ กล่าวคือ การเกิดขึ้นและถูกนำมาใช้ของ AI ได้สร้างประโยชน์ในทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาลและก่อเกิดอิทธิพลอย่างมาก ความตื่นตัวของภาคเอกชนนำไปสู่การจัดการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และรัฐกับการออกมาตรการควบคุมการใช้ AI ตลอดจนการออกนโยบายสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการนำ AI เข้ามามีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การเติบโตเศรษฐกิจคือประเด็นสำคัญที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ให้ความสำคัญมาตลอด ที่ผ่านมาภูมิภาคนี้แทบจะกล่าวได้ว่าเป็นฐานเศรษฐกิจที่ขาดไม่ได้ของโลก การลงทุนมหาศาลได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้มาต่อเนื่อง ฉะนั้น ภูมิภาคนี้ต้องพร้อมเสมอในการรองรับเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัลที่ได้ปรับเปลี่ยนวิถีทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมมาสู่การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจบนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือโอกาสสำคัญที่ภูมิภาคแห่งนี้จะต้องพัฒนาสภาพแวดล้อมที่จะสามารถรองรับการดำเนินไปของรูปแบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่นี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมาถึงของ AI มีนัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเศรษฐกิจ ต่างได้มีการประยุกต์เทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรืออำนวยความสะดวกทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี การนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้กลับไม่ได้นำมาซึ่งแต่ผลดี หากแต่นำมาสู่ผลกระทบต่อมนุษย์ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้
โครงการ YALPI 2025 จึงจัดขึ้นภายใต้ธีม ‘ASEAN’s Future as an AI Hub: Inclusive Policies for a Thriving Digital Economy’ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อมุ่งผลักดันสร้างสรรค์นโยบาย โดยหวังให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางในการแสวงหาแนวทางในการนำ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ และแสวงหาแนวทางที่จะมารองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน ผ่าน 2 หัวข้อสำคัญคือ Maximizing the Efficiency of AI Usage และ Mitigating the Impacts of AI Usage
ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ตัวแทนนักเรียน นักศึกษาจากนานาประเทศในกลุ่ม ASEAN มากกว่า 30 คน จากมหาวิทยาลัยในประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และไทย เดินทางเข้ามาเข้าร่วม YALPI 2025 โดยผู้เข้าร่วมและผู้จัดงานได้รับเกียรติจาก พลพงศ์ วังแพน อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกล่าวในพิธีเปิดโครงการ YALPI 2025 ด้วย
ระหว่างวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2568 ตัวแทนนักเรียน นักศึกษาจากประเทศ ได้เข้าร่วม Lecture จาก รศ. ดร.วรประภา นาควัชระ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาและรักษาการรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA), ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ที่แต่ละท่านได้บรรยายในหัวข้อต่างๆ
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังได้รับฟัง Panel Discussion (YALPI Talk) โดย ศ. ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และอดีตอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ, ดนัย เทพธนวัฒนา ผู้จัดการอาวุโสด้านการออกแบบธุรกิจที่บริษัท Microsoft, และ ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาและรักษาการรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ที่แต่ละท่านได้ร่วมแชร์มุมมองเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมีจริยธรรมในแบบของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
อีกทั้งผู้เข้าร่วมยังได้พบกับกิจกรรม Policy Workshop โดย ฉัตร คำแสง ผู้อำนวยการ 101 PUB – 101 Public Policy Think Tank ที่ให้ความรู้และเปิดพื้นที่สำหรับการฝึกออกแบบนโยบายเบื้องต้น
เมื่อผู้เข้าร่วมได้ริเริ่มตกผลึกความคิดเป็นนโยบาย ผู้เข้าร่วมยังได้รับคำปรึกษานโยบายกับผู้เชี่ยวชาญในด้าน AI ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ด้านภูมิภาคอาเซียน และด้านการทำนโยบาย จาก ผศ. ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ, ผศ. ดร.สินีนาฏ เสริมชีพ ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ, ดร.คัทลียา เหลี่ยมดี นักวิจัยจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ และอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, ลำธาร หาญตระกูล นักวิทยาศาสตร์การวิจัย AI อาวุโส, และ ดร.กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช นักวิจัยนโยบายอาวุโสจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
สุดท้ายผู้เข้าร่วมกว่า 30 คน ได้นำเสนอ Policy Recommendation ของกลุ่มตนเองต่อผู้ตัดสินนโยบาย ได้แก่ ผศ. ดร.วงอร พัวพันสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาครัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, ผศ. ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ, ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ รองประธานและผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และ ปรีสาร รักวาทิน รองประธานบริหารสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)
นโยบายที่ได้รับชัยชนะภายใต้หัวข้อ Maximizing the Efficiency of AI Usage คือ นโยบายเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับผู้พิการในเวียดนาม โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการมีงานทำที่ต่ำและการถูกตัดออกจากโลกดิจิทัล โดยการบูรณาการเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI การสนับสนุนจากรัฐบาล และการกระตุ้นจากภาคเอกชน เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมในแรงงาน
นโยบายที่ได้รับชัยชนะภายใต้หัวข้อ Mitigating Impacts of AI Usage คือ นโยบายเพื่อแก้ไขช่องว่างด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใน 4 กลุ่มประเทศ ASEAN (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย) โดยส่งเสริมการศึกษา AI ผ่าน Module ความรู้ที่มีมาตรฐาน, โปรแกรมการให้คำปรึกษาแก่นักเรียน, และ การวิเคราะห์ข้อมูล AI โดยกลุ่มทั้งสองได้รับรางวัล
ทั้งนี้ นโยบายของกลุ่มผู้เข้าร่วมอื่นๆ ยังประกอบไปด้วย
- นโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาด้านโลจิสติกส์ของกัมพูชา อย่างต้นทุนที่สูงและความไม่มีประสิทธิภาพท่ามกลางการเติบโตของการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ และเสนอการบูรณาการ AI เพื่อการปรับเส้นทางให้มีประสิทธิภาพและการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน
- นโยบายที่มุ่งแก้ไขช่องว่างด้านความรู้ความเข้าใจทางดิจิทัล (AI Literacy) ในกัมพูชา โดยการเสริมสร้างการศึกษาเกี่ยวกับ AI ผ่านการฝึกอบรมครู หลักสูตรไอทีที่บังคับใช้ และการบูรณาการการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อสร้างความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ AI
- นโยบายเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรม AI (AIECs – AI Ethics Committees) ในสถาบันการศึกษาในฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหาจริยธรรม เช่น การลอกเลียนผลงาน ผสานไปกับการบูรณาการจริยธรรมของ AI เข้ากับหลักสูตรการศึกษา
- นโยบายจัดตั้งสภาการกำกับดูแล AI ที่บูรณาการหลายภาคส่วน (MAIGC – Multi-Stakeholder AI Governance Council) เพื่อต่อสู้กับการเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่สร้างโดย AI ในการศึกษาเด็กทั่วอาเซียน เพื่อให้ระบบ AI เป็นธรรม ปลอดภัย โปร่งใส และรับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็ปกป้องประสบการณ์การเรียนรู้ดิจิทัลของเด็กในโรงเรียน
ท้ายที่สุด ทุกนโยบายข้างต้นได้ถูกมอบแก่ตัวแทนจาก พรรคเพื่อไทย ได้แก่
- ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส. จังหวัดเลย
- สยาม หัตถสงเคราะห์ สส. จังหวัดหนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- ปัญจมพงศ์ เสริมสวัสดิ์ศรี หัวหน้าฝ่ายดิจิทัล พรรคประชาชน
เพื่อให้แนวนโยบายที่ริเริ่มโดยนักเรียน นักศึกษาจากนานาประเทศในภูมิภาค ASEAN ได้มีโอกาสพัฒนาไปสู่นโยบายจริงในอนาคตต่อไป