กระแสสีจิ้นผิงฟีเวอร์กำลังมาแรงในตลาดหุ้น เมื่อประธานาธิบดีจีนมุ่งมั่นผลักดันเศรษฐกิจและนวัตกรรมเทคโนโลยี ดันหุ้นจีนทะยานต่อเนื่องในปีนี้ ทิ้งห่างหุ้นสหรัฐฯ ที่กำลังซบเซา
Franklin Templeton Institute มองว่า นี่คือปรากฏการณ์ ‘Xi Put’ คล้ายกับ ‘Fed Put’ ในอดีต สะท้อนความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการที่เป็นมิตรต่อตลาดและกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เพื่อให้ GDP โตตามเป้าที่ตั้งไว้ราว 5% ในเดือนนี้
ความทะเยอทะยานของสีจิ้นผิงเกิดขึ้นในช่วงที่นโยบายภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย และฉุดหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ร่วง
แนวคิด ‘Xi Put’ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองครั้งสำคัญของนักลงทุนที่มีต่อผู้นำจีน ซึ่งก่อนหน้านี้การรวบอำนาจของสีจิ้นผิง ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุน แต่ตอนนี้ความเชื่อมั่นใน ’Trump Put’ กลับลดลงอย่างรวดเร็ว
ดัชนี MSCI China พุ่งขึ้นเกือบ 20% แล้วในปี 2025 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 4% นี่ถือเป็นการทำผลงานได้ดีกว่ามากที่สุดในรอบไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2007 ด้วยมาตรการใหม่ๆ ที่คาดว่าจะฟื้นฟูการบริโภครวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของผลประกอบการ
จุดนี้เองทำให้ JPMorgan Chase & Co. และ Templeton คาดการณ์ว่าหุ้นจีนจะปรับตัวขึ้นในวงกว้าง ไม่จำกัดแค่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“เมื่อพิจารณาว่าปักกิ่งจะฉวยโอกาสนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมและขยายการปรับตัวขึ้นของตลาด คำว่า ‘Xi Put’ จึงเหมาะสม” Kok Hoong Wong หัวหน้าฝ่ายค้าหลักทรัพย์สถาบันของ Maybank Securities ในสิงคโปร์ กล่าว
แม้ว่าการพุ่งขึ้นของหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมาจะมาจากหุ้นเทคโนโลยีเป็นหลักจากกระแสของ DeepSeek แต่การปรับตัวขึ้นของตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 มีนาคม) แสดงให้เห็นว่ามีหุ้นกลุ่มอื่นๆ เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ดัชนีย่อย CSI 300 ของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 5% ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริโภคในวันจันทร์ (17 มีนาคม)
ข้อมูลจาก BNY ระบุว่า หุ้นจีนมีเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกติดต่อกัน 3 สัปดาห์ โดยสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มีนาคม มีเงินไหลเข้ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023
นอกจากนี้ JPMorgan ยังรายงานว่า มีการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินดอลลาร์ฮ่องกงและเงินหยวนจีนมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่ามีเงินทุนไหลเข้าหุ้นจีน
“การเปลี่ยนจากการลงทุนในสหรัฐฯ มาเป็นการลงทุนในจีนเมื่อเร็วๆ นี้ อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวของสินทรัพย์จีนในพอร์ตการลงทุนของต่างชาติ” Gary Dugan ซีอีโอของ The Global CIO Office กล่าว “ช่องว่างด้านมูลค่าระหว่างฮ่องกงและสหรัฐฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึงปรับตัวขึ้นที่สำคัญสำหรับหุ้นเทคโนโลยีจีน”
แนวโน้มผลประกอบการของจีนก็เริ่มดีขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี MSCI China คาดว่าจะมีกำไรเติบโตประมาณ 10% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เทียบกับการเติบโต 12.6% ของดัชนี S&P 500 หุ้นจีนมีความน่าสนใจเนื่องจากซื้อขายที่ P/E เพียง 11 เท่า ซึ่งต่ำกว่า P/E ของหุ้นสหรัฐฯ ที่ 20 เท่า
“เศรษฐกิจดูเหมือนจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และนโยบายที่มีต่อภาคเอกชนก็สนับสนุนมากขึ้น” Hiren Dasani หัวหน้าร่วมของฝ่ายตราสารทุนตลาดเกิดใหม่ของ Goldman Sachs Asset Management กล่าวในการให้สัมภาษณ์ “เราเชื่อว่าการเติบโตของผลประกอบการดูแข็งแกร่ง”
แต่สำหรับผู้ที่จับตาจีนมาเป็นเวลานาน ผลงานที่ไม่ดีนักของตลาดในอดีตเป็นเหตุผลที่ต้อง ‘ระมัดระวัง’ เพราะแม้จะมีการแสดงท่าทีที่เป็นมิตรเมื่อเร็วๆ นี้ แต่สีจิ้นผิงยังไม่สามารถ ‘เรียกความเชื่อมั่น’ จากกองทุนระยะยาวระดับโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามภาคเอกชนและการรณรงค์ลดหนี้สินที่ ‘จุดชนวน’ วิกฤตการณ์อสังหาริมทรัพย์มาหลายปีได้
อีกทั้งการปรับตัวลงของราคาสินค้าผู้บริโภคอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านภาวะเงินฝืดยังคงอยู่ และนักลงทุนบางส่วนต้องการเห็นภาคเอกชนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันความพยายามของนักกำหนดนโยบายจีนในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน อาจถูกจำกัดโดยการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เคลื่อนไหว ‘ช้ากว่า’ ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่านักลงทุนกำลังตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้นต่อการประกาศนโยบายและข้อมูลเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากโมเมนตัมเชิงบวกกำลัง ‘ก่อตัว’ ขึ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่านักลงทุนกำลังตอบสนองในเชิงบวกมากขึ้นต่อการประกาศนโยบายและข้อมูลเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากโมเมนตัมเชิงบวกกำลังก่อตัวขึ้น
Rajiv Batra หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนเอเชียและหัวหน้าร่วมฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกของ JPMorgan กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทาง Bloomberg TV เมื่อวันพุธ (12 มีนาคม) ว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดจะขยายวงกว้างขึ้น “ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป และเราคาดหวังว่าหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อสังหาริมทรัพย์ และการดูแลสุขภาพ จะเข้ามามีส่วนร่วม และอย่าลืมว่าจีนยังมีกระสุนเหลืออยู่”
อ้างอิง: