จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐอเมริกา (CIA) เปิดเผยวานนี้ (5 มีนาคม) ว่า สหรัฐฯ ได้ระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับ ยูเครน แล้ว โดยถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันแก่ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ในการให้ความร่วมมือกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ขณะที่อาจส่งผลกระทบให้ยูเครนสูญเสียความสามารถในการป้องกันตนเองจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเหตุวิวาทะระหว่างทรัมป์และเซเลนสกี ที่ทำเนียบขาว และการระงับส่งความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ แก่ยูเครน ก่อนที่เซเลนสกีจะมีท่าทีอ่อนลงและแสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย
ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ยืนยันการหยุดแบ่งปันข่าวกรองแก่ยูเครน โดยชี้ว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังหยุดชะงักและทบทวนทุกแง่มุมของความสัมพันธ์ต่อยูเครน
แรตคลิฟฟ์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Fox Business Network ว่า ทรัมป์ตั้งคำถามอย่างจริงจังถึงความมุ่งมั่นของเซเลนสกีในกระบวนการสันติภาพ ก่อนที่จะสั่งการให้ระงับการแบ่งปันข่าวกรอง ซึ่งเขามองว่าท่าที่ในแง่บวกของเซเลนสกีที่ยินดีเจรจาสันติภาพจะส่งผลให้การระงับแบ่งปันข่าวกรองนี้หายไป
สำนักข่าว Reuters รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ซึ่งเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งระงับ ‘ทุกอย่าง’ รวมถึงข้อมูลที่ยูเครนใช้ในการโจมตีเป้าหมายของรัสเซีย
ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายเผยว่า การแบ่งปันข่าวกรองถูกตัดออกไปบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้
ผลกระทบการทำสงครามของยูเครน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าข่าวกรองของสหรัฐฯ ทำหน้าที่สำคัญ 2 ประการ ได้แก่ การวางแผนปฏิบัติการโจมตีต่อต้านกองกำลังทหารรัสเซีย และการแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่รัฐบาลเคียฟเกี่ยวกับภัยคุกคามจากโดรนและขีปนาวุธของรัสเซียที่กำลังโจมตีเข้ามา
โดยข้อมูลจากดาวเทียมและการดักจับสัญญาณ ทำให้ทหารยูเครนในแนวหน้า สามารถทราบถึงตำแหน่งและความเคลื่อนไหวของทหารรัสเซีย
นอกจากนี้ หากไม่มีข่าวกรองของสหรัฐฯ กองทัพยูเครนจะไม่สามารถใช้อาวุธพิสัยไกลของชาติตะวันตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบยิงจรวด HIMARS ที่สหรัฐฯ ผลิต หรือขีปนาวุธ Storm Shadow ที่อังกฤษและฝรั่งเศสจัดหาให้
นอกเหนือจากการใช้งานทางทหาร ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากสหรัฐฯ ยังช่วยให้ยูเครนทราบข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับภัยคุกคามที่กำลังเข้ามา ทั้งต่อกองกำลังทหาร โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และพลเรือนยูเครน
โดยไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศและการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือของยูเครน ได้รับข้อมูลมาจากดาวเทียมของสหรัฐ ซึ่งสามารถตรวจจับเครื่องบินและการยิงขีปนาวุธจากในดินแดนของรัสเซียได้
ซึ่งการหยุดชะงักในการแบ่งปันข่าวกรองของสหรัฐฯ เป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสามารถในการป้องกันตนเองของยูเครน และซ้ำเติมสถานการณ์หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ตัดสินใจระงับความช่วยเหลือทางทหารที่สำคัญแก่ยูเครนไปก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์มองว่า สิ่งที่แน่ชัดคือสหรัฐฯ กำลังใช้การระงับความช่วยเหลือทางทหารและข่าวกรองเป็นอีกเครื่องมือเพื่อบีบให้ยูเครนยอมรับการเจรจาสันติภาพ
โดยวอลซ์กล่าวว่า ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอาจกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง หากยูเครนตกลงที่จะเข้าร่วมความพยายามเจรจาทางการทูตที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำ
ภาพ: Jens Buttner/ Pool via Reuters / File Photo
อ้างอิง: