เบื่อไหมกับการต้องพึ่งพาแว่นหรือคอนแทคเลนส์ทุกวัน อยากตื่นมาแล้วมองเห็นชัดๆ โดยไม่ต้องควานหาแว่น เหนื่อยกับการต้องคอยระวังแว่นเวลาเล่นกีฬา หรือมีปัญหากับการใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
วันนี้เรามีทางเลือกดีๆ จาก พญ.ฐิติมา หวังเจริญ จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ มาแนะนำ SMILE pro เทคโนโลยีเลเซอร์แก้ไขสายตาผิดปกติสุดล้ำจากโรงพยาบาลเมดพาร์คที่จะช่วยให้คุณกลับมามองเห็นชัด ใส สามารถใช้ชีวิตอิสระในแบบที่ใจต้องการ
พญ.ฐิติมา หวังเจริญ
SMILE pro คืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ?
SMILE pro เป็นนวัตกรรมรักษาภาวะสายตาผิดปกติแบบใหม่ล่าสุด ที่ใช้เลเซอร์ความแม่นยำสูงที่เรียกว่า Femtosecond Laser ผ่านเครื่อง Visumax 800 รุ่นใหม่ล่าสุด วิธีนี้จะใช้เลเซอร์แยกชั้นภายในเนื้อกระจกตาออกมาเป็นแผ่นบางๆ (เรียกว่าเลนติคูล) แล้วนำออกมาผ่านรอยแผลเล็กๆ เพียง 2-4 มิลลิเมตร เพื่อปรับแต่งความโค้งของกระจกตาให้พอดีกับค่าสายตา ทำให้คุณกลับมามองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องง้อแว่นหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป
เจ๋งกว่าเลสิกธรรมดาอย่างไร?
คำตอบคือดีกว่ามาก เพราะ SMILE pro มีข้อดีที่เหนือกว่าเลสิกแบบเดิม เริ่มจากความเร็วในการเลเซอร์ ใช้เวลาแค่ 8-10 วินาทีต่อตาเท่านั้น ลดเวลาที่ตาต้องจ้องอยู่กับเครื่องมือผ่าตัดนานๆ
ในขณะที่ความแม่นยำก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น เพราะเครื่อง Visumax 800 มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ดิจิทัลสุดไฮเทคที่ช่วยกะระยะและจุดยิงเลเซอร์ได้แม่นยำสูง พร้อมระบบเตือนทันทีถ้าตาขยับออกจากตำแหน่ง
เรื่องความปลอดภัยก็เหนือชั้น เพราะไม่ต้องเปิดฝากระจกตาเหมือนเลสิกแบบเดิม ลดความเสี่ยงติดเชื้อ แผลก็เล็กมากแค่ 2-4 มิลลิเมตร (เล็กกว่า Femto LASIK ถึง 80%) แถมยังรักษาความแข็งแรงของกระจกตาได้ดีกว่า ผลข้างเคียงอย่างตาแห้ง ตาอักเสบ หรือปัญหาการมองเห็นตอนกลางคืนก็น้อยกว่าด้วย
ขั้นตอนการทำเป็นอย่างไรบ้าง?
ก่อนผ่าตัดมีเรื่องที่ต้องเตรียมตัวนิดหน่อย ถ้าคุณใส่คอนแทคเลนส์แบบนิ่ม ควรงดใส่ 5-7 วันก่อนตรวจตาและผ่าตัด วันก่อนผ่าตัดก็ต้องงดแต่งหน้าและงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ และอย่าลืมแจ้งประวัติยาและโรคประจำตัวให้คุณหมอทราบก่อนทำ
ส่วนวันผ่าตัดจริง มาถึงจะมีการตรวจสภาพตาอีกครั้ง เพื่อเช็กว่าสภาพดวงตาของเราพร้อมที่จะทำหรือไม่ ส่วนขั้นตอนหลักๆ มีอยู่ 3 ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่
ขั้นแรก เป็นการสร้างเลนติคูล หมอจะใช้เลเซอร์ Femtosecond ความแม่นยำสูงยิงไปที่กระจกตา เพื่อตัดและแยกชั้นเนื้อเยื่อให้เป็นรูปทรงกลมเล็กๆ คล้ายเลนส์ (เรียกว่าเลนติคูล) รวมถึงใช้เลเซอร์ในการสร้างแผลด้านข้างกระจกตาเล็กๆ ขนาดเพียง 2-4 มิลลิเมตร ขั้นตอนนี้ใช้เวลาแค่ 8-10 วินาทีเท่านั้น
ขั้นที่สอง หมอจะนำเลนติคูลออกมาผ่านแผลขนาด 2-4 มิลลิเมตรที่เลเซอร์ไว้อย่างระมัดระวัง โดยไม่ต้องเปิดฝากระจกตาด้านบนเหมือนการทำเลสิกแบบเดิม ทำให้ปลอดภัยกว่ามาก
ขั้นสุดท้าย หลังจากนำเลนติคูลออกมาแล้ว ความโค้งของกระจกตาจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเอง ทำให้จุดโฟกัสของแสงตกลงบนจอประสาทตาได้พอดี ส่งผลให้การมองเห็นของคุณค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกลับมามองเห็นได้ปกติเหมือนคนสายตาดี
เหมาะกับใครบ้าง?
SMILE pro เหมาะกับคนอายุ 20-50 ปีที่สายตาสั้นไม่เกิน 1,000 เอียงไม่เกิน 500 และค่าสายตาไม่เปลี่ยนแปลงมากกว่า 50 ในหนึ่งปี และแน่นอนว่าต้องมีสุขภาพตาแข็งแรงเพียงพอ
แต่ถ้าคุณมีโรคเกี่ยวกับกระจกตา เช่น กระจกตาโก่ง ตาแห้งรุนแรง หรือมีโรคตาอื่นๆ อย่างต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม รวมถึงมีโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เบาหวานที่คุมน้ำตาลไม่ดี กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูก วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณ รวมถึงคนที่สายตายาวแต่กำเนิดหรือตามวัยก็ไม่เหมาะเช่นกัน
การดูแลตัวเองหลังทำเสร็จ
หลังผ่าตัดสำคัญมาก เพราะสัปดาห์แรกห้ามขยี้ตาหรือบีบตาแรงๆ ระวังไม่ให้น้ำเข้าตา ตอนนอนต้องใส่ที่ครอบตา และอย่าลืมหยอดยาตามที่หมอสั่งให้ครบ
งดแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอางรอบดวงตา พยายามอย่าใช้สายตาจ้องนานๆ อย่างการดูจอหรืออ่านหนังสือ เพราะจะทำให้ตาแห้งมากขึ้น อาจทำให้รู้สึกว่าตามัวได้ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อเข้าตา
เดือนแรกงดว่ายน้ำและดำน้ำ และควรใส่แว่นกันแดดทุกครั้งเวลาออกแดด เพื่อป้องกันแสงจ้าและลมแรง ไม่ควรทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทบกระแทกบริเวณดวงตา และสำคัญที่สุดคืออย่าลืมไปพบหมอตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามและประเมินผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
รีวิวการทำ SMILE pro ที่โรงพยาบาลเมดพาร์ค
ผู้เขียนมีประสบการณ์ทำ SMILE pro ที่โรงพยาบาลเมดพาร์คในช่วงต้นปี เนื่องจากไม่อยากใส่คอนแทคเลนส์ บวกกับไลฟ์สไตล์ของเราที่ค่อนข้างแอ็กทีฟ ทำให้ไม่อยากใส่แว่น จึงตัดสินใจทำ SMILE pro ที่นี่
ที่ชอบคือไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำ SMILE pro ก็สามารถทำได้เลย เพราะคุณหมอที่นี่ให้ความสำคัญกับความเหมาะสมมาก ก่อนทำจึงต้องตรวจวินิจฉัยและคัดกรองสุขภาพอย่างจริงจังเซ็ตใหญ่ เพื่อประเมินว่าผ่านเกณฑ์ไหม ครั้งแรกที่เข้าไปตรวจวินิจฉัยและคัดกรองใช้เวลาทั้งหมดร่วม 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีขั้นตอนที่ต้องเช็กหลายอย่าง ไม่ว่าจะความสั้น-ความยาวของค่าสายตา ความดันตา ความแห้งของตา ฯลฯ ร่วม 10 รายการ เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถทำ SMILE pro ได้จริงๆ
หลังจากนั้นเราได้เข้าพบกับ พญ.ฐิติมา หวังเจริญ คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ซึ่งคุณหมออ่านผลให้ฟังและสอบถามข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้ประเมินว่าเราสามารถทำได้หรือไม่ หากว่าเราผ่านเกณฑ์ค่อยนัดวันผ่าตัด
เมื่อถึงวันนัด เราต้องตรวจสภาพดวงตาอีกครั้งว่าพร้อมแล้วจริงๆ จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการทำที่ใช้เวลาทำจริงๆ ไม่นาน แต่รวมขั้นตอนทุกอย่างเบ็ดเสร็จประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขณะทำไม่ได้รู้สึกเจ็บใดๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่หลังทำเสร็จ อาการแสบตาหรือน้ำตาไหลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน
ส่วนตัวผู้เขียนใช้เวลาพักฟื้นดวงตาที่ต้องพักสายตาจริงๆ ประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นอาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ มองเห็นชัดขึ้น หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ อาการเจ็บและแสบตาไม่มีแล้ว แต่ยังต้องคอยหยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ และไม่ใช้คอมหรือมือถือนานๆ หลังจากนั้นไปพบคุณหมอตามเวลานัด ไม่ได้มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
ความรู้สึกส่วนตัวหลังทำเสร็จ
สิ่งที่ชอบคือความไฮเทคและความพร้อมของเครื่องมือต่างๆ ในแผนกจักษุ และงานบริการของโรงพยาบาลเมดพาร์คที่สามารถให้ข้อมูลเบื้องต้นและดูแลคนไข้ได้อย่างทั่วถึง บวกกับมั่นใจในความเชี่ยวชาญทั้งกับ พญ.ฐิติมา และทีมจักษุแพทย์ ดังนั้นหากใครสนใจอยากทำ SMILE pro คำแนะนำคือให้หาข้อมูลรอบด้าน และปรึกษาจักษุแพทย์อย่างจริงจังก่อนทำ เพื่อให้มั่นใจว่าวิธีนี้เหมาะกับคุณจริงๆ
คำแนะนำหลังทำที่อยากแชร์
หากใครตัดสินใจแล้วว่าจะทำ SMILE pro แนะนำว่าให้วางแผนตารางการใช้ชีวิตดีๆ ทั้งก่อนทำและวันผ่าตัด เพราะทั้ง 2 วันนั้นทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ควรมีคนไปรับกลับจากโรงพยาบาล เพราะการขับรถหรือเดินเหินเองไม่สะดวกแน่ๆ
ส่วนหลังทำเสร็จ สายตาอาจไม่ได้เห็นคมชัดทันทีทันใด หากมีงานที่ต้องใช้สายตาหนักๆ ควรเลื่อนไปก่อน รวมถึงกิจกรรมบางอย่างที่ทำให้เหงื่อเข้าตาหรือเสี่ยงกับการถูกปะทะก็ต้องงด 2 สัปดาห์เช่นกัน เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาที่กำลังอยู่ในช่วงเซนสิทีฟ
- แพ็กเกจผ่าตัดแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติด้วย SMILE pro (2 ข้าง) ของโรงพยาบาลเมดพาร์ค ราคา 159,000 บาท ติดต่อได้ที่ชั้น 12A โรงพยาบาลเมดพาร์ค โทร. 0 2023 3333