รมว.คลัง เตรียมเรียกพบสมาคมธนาคารไทย ให้ผ่อนคลายเกณฑ์และปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น หวังเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ มองแบงก์ไทยโกยกำไรมากเกิน เมื่อเทียบกับศักยภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน เผยได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อพิเศษให้แก่ผู้ทำมาค้าขาย วงเงิน 10,000-20,000 ต่อราย โดยมีเป้าหมาย 3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินกว่า 5,000 ล้านบาท
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เตรียมไปคุยกับสมาคมธนาคารไทย หรือเชิญให้สมาคมธนาคารไทยเข้ามาหารือด้วย เนื่องจากรัฐบาลอยากเห็นการผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น รวมถึงอยากเห็นการปล่อยสินเชื่อให้แก่รายเล็กมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยแต่รายใหญ่เท่านั้น โดยจะให้สมาคมธนาคารไทยเป็นผู้ส่งข้อเสนอมาว่า จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้เท่าไร รับความเสี่ยงได้มากขึ้นเท่าไร
พิชัย อธิบายเพิ่มว่า ความพยายามนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ 3-3.5% ในปีนี้ ผ่านการสนับสนุนให้เอกชนและประชาชนลงทุนมากขึ้น และเพื่อจะให้บรรลุเป้าหมายนี้ พิชัยย้ำกว่า สถาบันการเงินต้องปล่อยสินเชื่อเพิ่มและอัตราดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับต่ำ
“วันนี้คนถือเงินไม่ยอมปล่อย แต่คนอยากได้เงินก็ไม่ได้ เราพบว่า วันนี้ คนยอมเสียดอกเบี้ย 10-20% เพื่อให้ได้เงินกู้ แม้วงเงินน้อยๆ แต่ก็ทำให้ทำมาหากินได้ ดังนั้น วิธีคิดของผมคือ ต้องเติมเม็ดเงินเข้าระบบให้ได้ คนที่จะเติมได้ดีที่สุดคือสถาบันการเงิน” พิชัยกล่าว
ทั้งนี้ ตามข้อมูลจาก ธปท.แสดงให้เห็นว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 4 ปี 2567 หดตัว 0.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน แต่ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนที่หดตัว 2% โดยการหดตัวของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2567 นับเป็นการหดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2552 หรือครั้งแรกในรอบ 15 ปี
รมว.คลัง มอง แบงก์ไทยโกยกำไรมากเกิน เมื่อเทียบกับศักยภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน
รมว.คลังกล่าวอีกว่า “บางคนมองว่า ปีที่แล้วธนาคารไทยโกยกำไรเยอะไป บางคนบอกไม่เยอะหรอก ROE ไม่สูง ผมมองว่า กำไรของธนาคารไทยไม่มากหรอกเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านบางประเทศไทย แต่มากไปเมื่อเทียบศักยภาพของเศรษฐกิจไทยขณะนี้ เมื่อเศรษฐกิจไทยเป็นเช่นนี้ คุณควรดึงกำไรลงมาหน่อยหรือไม่ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยในระยะยาวไปต่อได้”
ทั้งนี้ตามข้อมูลจาก ธปท.แสดงให้เห็นว่า อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return On Equity:ROE) ในปี 2567 อยู่ที่ 8.68% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
ขณะที่ตามข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ROE เป็นอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงความสามารถของบริษัทในการนำเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นไปทำให้งอกเงย ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ (Net Income) หารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) โดยค่า ROE ยิ่งสูง ยิ่งดี
มอบนโยบายให้ออมสินปล่อยสินเชื่อพิเศษใหม่
รมว.คลัง อธิบายต่อว่า สาเหตุที่ธนาคารพาณิชย์ไทยไม่ยอมปล่อยสินเชื่อเพราะกลัวความเสี่ยงของเครดิตผู้ให้กู้ อย่างไรก็ตาม ตนได้สังเกตว่า ปัจจุบัน มีบริษัทบางรายดำเนินธุรกิจคล้ายๆ ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ไปแล้ว และทำได้ดีด้วย เนื่องจาก ยังมีผู้ที่มีปัญหาอยู่และไม่อยากกู้นอกระบบ ซึ่งลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่กู้ไม่เยอะ
ดังนั้น รมว.คลังจึงได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสินช่วยดำเนินการในลักษณะคล้ายกัน โดยให้ปล่อยสินเชื่อพิเศษวงเงิน 10,000-20,000 บาท ให้แก่บุคคลธรรมดา ที่ทำมาค้าขายอยู่ แต่ไม่เคยขอสินเชื่อ โดยมีกลุ่มเป้าหมายราว 3 ล้านบัญชี
“โดยผมได้ตรวจดู (Monitor) ความเข้มแข็งทางงบดุล (Balance Sheet) ของออมสินแล้ว คำนวณไว้หมดแล้ว เสียเท่าไร กำไรเท่าไร” พิชัยกล่าว
โดยแหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่าโครงการสินเชื่อดังกล่าวมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆ จะเปิดเผยมากขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่า จะใช้งบประมาณอยู่ที่ราว 5,000-6,000 ล้านบาท
รมว.คลังจี้ธปท.ลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการประชุมหารือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งพิชัยนั่งเป็นประธานเอง ที่มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมการประชุมด้วย
โดยพิชัยกล่าวอีกว่า ผมได้เชิญธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มา พร้อมตั้งคำถามว่า ธปท. จะช่วยผมได้อย่างไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนเริ่มลงทุนมากขึ้น คนต้องการการเข้าถึงสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยถูก จึงอยากเห็นการลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ถ้าผมเพิ่มการส่งออกได้ ภาคส่งออกก็ต้องการให้เงินบาทอ่อน ซึ่งการที่บาทจะอ่อนได้นั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายด้วย กล่าวคือหากกนง.ลดดอกเบี้ยลง ในทางอ้อม (indirect) ก็จะทำให้บาทอ่อนอยู่แล้ว