×

หุ้นไทยหลุด 1,200 จุด รอบนี้ต่างอย่างไรกับ 3 รอบก่อนในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา?

28.02.2025
  • LOADING...
thai-stocks-below-1200

ครั้งสุดท้ายที่ดัชนี SET ของหุ้นไทยอยู่ต่ำกว่า 1,200 จุด คือเดือนสิงหาคม ปี 2555 ในระหว่างขาขึ้นครั้งใหญ่จาก 400 จุด ไป 1,600 จุด 

 

หลังจากนั้นมีช่วงที่หุ้นไทยเป็นขาลงชัดๆ คือปี 2556 และปี 2558 ที่ SET ร่วงจาก 1,600 จุด มาเหลือต้นๆ 1,200 จุด แต่สุดท้ายก็เด้งกลับไปได้

 

ถ้าไม่นับวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ดัชนี SET ร่วงลงไปแตะ 969 จุด ช่วงปี 2563 เท่ากับว่าดัชนี SET กลับมาต่ำกว่า 1,200 จุด อีกครั้งในรอบกว่า 12 ปี 

 

ล่าสุด ดัชนี SET ร่วงมาแตะระดับ 1,186.36 จุด ลดลงมา 4 เดือนติดต่อกัน แล้วดัชนีที่ระดับ 1,200 จุด รอบนี้ต่างออกไปอย่างไรจาก 3 รอบก่อน?

 

หุ้นไทยไม่ฟื้นจนกว่าเศรษฐกิจจะโตเกิน 3%

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนที่มีประสบการณ์กับตลาดหุ้นไทยมายาวนานนับแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 มองว่า “เราดูแค่ดัชนีไม่ได้ เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ไทยซบเซา เติบโตช้า ภาพของประเทศและตลาดหุ้นเปลี่ยนไป เราไม่ได้เป็นประเทศเติบโตเร็วอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งตลาดหุ้นกำลังสะท้อนภาพของประเทศ” 

 

ในโลกนี้ถ้าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา แต่เศรษฐกิจไม่โตหรือโตช้า นักลงทุนจะไม่สนใจ ทำให้เราเห็นแรงขายหุ้นไทยมาตลอด ตราบใดที่เราเปลี่ยนภาพนี้ไม่ได้ 

 

“ประเทศรอบข้างเราเติบโตเร็วกว่า แต่ถ้าจะมองหาประเทศที่เติบโตไม่มาก ก็ไปประเทศพัฒนาแล้ว เท่ากับว่าเราสู้ประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันไม่ได้ และสู้ประเทศพัฒนาแล้วก็ไม่ได้” 

 

ปัญหาใหญ่คือจะทำยังไงไม่ให้นักลงทุนต่างชาติถอนเงินทุนออกไปต่อเนื่อง ดร.นิเวศน์มองว่า รัฐบาลมีบทบาทค่อนข้างมากในเรื่องนี้ ทั้งมาตรการที่จะช่วยในระยะสั้น และนโยบายที่จะเปลี่ยนภาพระยะยาว 

 

อย่างเรื่องการจะนำกองทุน LTF กลับมา เชื่อว่าจะช่วยสร้างปัจจัยบวกในระยะสั้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีแผนที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้ถึง 4% แต่ถ้าเศรษฐกิจยังเติบโตต่ำกว่า 3% ก็ยากที่นักลงทุนจะกลับมา 

 

“รัฐบาลต้องมีแผนที่ชัดเจน ปัญหาทุกวันนี้เป็นเรื่องของโครงสร้าง แม้แต่เรื่องอัตราการเกิดต่ำ ก็ต้องเร่งแก้ไข เพราะถ้าจำนวนคนหดตัว ประเทศก็โตได้ยาก” 

 

วิธีลงทุนต้องเปลี่ยนเมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยน

 

“ทุกสินทรัพย์มีมูลค่าของตัวเอง ถ้าดูหลาย Metrics ในเวลานี้ จะเห็นว่าหุ้นไทยถูกแล้ว แต่วิธีการเล่นต้องเปลี่ยนไป” นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี อีกหนึ่งนักลงทุนที่มีประสบการณ์มายาวนานในตลาดหุ้นไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับหุ้นไทยในตอนนี้

 

ตอนนี้ถ้าประเมินมูลค่าหุ้นไทยผ่าน P/BV ลงมาต่ำกว่า 1.2 เท่า ซึ่งค่อนข้างต่ำ โดยทั่วไปแล้วถ้าเกิดวิกฤตจน GDP ติดลบ P/BV จะลงไปที่ประมาณ 1 เท่า แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าขั้นวิกฤต GDP ยังโตได้ แม้จะโตต่ำ 

 

“แย่สุดหุ้นไทยยังไม่ควรจะลงไปจน P/BV เหลือ 1 เท่า มันไม่สมเหตุสมผล” นพ.พงศ์ศักดิ์กล่าว

 

อีกส่วนที่บ่งบอกว่าหุ้นไทยถูกแล้วคือ Earning Yield Gap ของหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับประมาณ 5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 3.5% เช่นเดียวกับอัตราเงินปันผลตอบแทนของหุ้นไทยที่อยู่สูงกว่า 3% 

 

“ถ้ามองภาพระยะยาวตอนนี้ถือว่าถูก แต่ไม่ได้ถูกเท่ากับภาวะวิกฤต สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือจุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน เพราะถ้าเกิดวิกฤตขึ้นจริงหุ้นไทยก็อาจจะลงไปได้อีกอย่างน้อย 10%”​

 

“ประเทศไทยตอนนี้ไม่ได้เติบโตสูงเหมือนเดิม แต่ถามว่าหุ้นที่เติบโตช้าลงทุนไม่ได้เลยหรือไม่ ก็ไม่ใช่ แต่วิธีการลงทุนในประเทศที่เติบโตช้าต้อง ต้องเล่นอีกแบบ” 

 

นพ.พงศ์ศักดิ์บอกว่า การลงทุนในหุ้นไทยหลังจากนี้ต้องมองหา ‘ส่วนลด’ ที่มากขึ้น และอัตราเงินปันผลต้องคุ้มค่า แทนที่จะหวังส่วนต่างราคาสูงแบบในอดีต 

 

ฝรั่งลดการถือหุ้นไทยต่อเนื่องตลอด 12 ปีที่ผ่านมา 

 

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556 – 2567 ต่างชาติขายหุ้นไทยไปกว่า 1.1 ล้านล้านบาท และยังขายต่อเนื่องอีก 1.3 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ 

 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ต่างชาติเคยถือครองหุ้นไทยมากสุดประมาณ 37% ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 30.4% 

 

อย่างไรก็ตาม แรงขายของต่างชาติในช่วง 2 เดือนแรก หากเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าความรุนแรงลดลง แต่ปัญหาตอนนี้คือสภาพคล่องหรือแรงซื้อในประเทศที่หายไป ทำให้ดัชนีไหลลงค่อนข้างเร็ว 

 

ณัฐชาตกล่าวต่อว่า P/BV ต่ำสุดของ SET ช่วงโควิดอยู่ที่ประมาณ 1.13 เท่า ถ้าอิงจากตัวเลขนี้ SET จะอยู่ที่ 1,177 จุด ซึ่งหุ้นไทยเวลานี้ไม่ควรจะลงไปถึงจุดนั้น เพราะช่วงโควิดกำไรของหุ้นไทยลงไปเหลือเพียง 60-70 บาทต่อหุ้น แต่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 90 บาทต่อหุ้น

 

ด้าน กวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายบริหารพอร์ตการลงทุน บล.พาย มองว่าตลาดหุ้นไทยในปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้ค่อนข้างยาก เพราะคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังขยายได้ไม่ถึงระดับ 3% ตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้ 

 

บล.พาย คาดว่า GDP ของไทยปีนี้จะขยายตัว 2.5% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 92 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าความเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่ที่คาดการณ์ไวั 

 

อย่างไรก็ดี ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถือเป็นตลาดหุ้นหนึ่งที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดของโลก และวันนี้ตลาดหุ้นไทยหลุดระดับ 1,200 จุด ประเมินว่ามีความเสี่ยงจะปรับตัวลงต่อในปีนี้ แต่คาดว่าจะไม่หลุดระดับ 1,000 จุด 

 

“ทุกครั้งที่มีวิกฤตใหญ่ เช่น ซับไพรม์ หรือโควิด ตามสถิติตลาดทั่วโลกรวมถึงไทย ดัชนีจะลงประมาณ 50% รอบนี้ตลาดหุ้นลงมาแล้ว 30% จาก 1,700 จุด เชื่อว่าคงไม่ลงไปถึง 50% หรือไปถึง 850 จุด ถ้าดัชนีหุ้นไทยลงไปแตะ 1,000 จุด แนะนำให้ซื้อหุ้นเต็มพอร์ต 100% เพื่อรอการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในปีหน้า ที่คาดว่ามีโอกาสไปถึงระดับ 1,500 จุด” 

 

โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสุขภาพและการท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่งท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising