57.3 องศาเซลเซียส คืออุณหภูมิบนพื้นผิวแทร็กของช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศที่ช่วงนั้นซึ่งอยู่ที่ราว 34.9 องศาเซลเซียส ในการทดสอบรถช่วงเช้าของวันที่ 2 ในบุรีรัมย์ พรีซีซัน-เทสต์ วันนี้ (13 กุมภาพันธ์)
เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามไปทั่วสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ตั้งแต่ช่วงสายๆ หลัง 10 โมงเช้าเป็นต้นไป พร้อมกับแดดที่ร้อนแรงจนทำให้อุณหภูมิของแทร็กพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลโดยต่อกริปในการยึดเกาะถนน
นอกจากเรื่องอุณหภูมิแล้ว การทดสอบรถวันแรกทำให้นักขับและทีมงานได้ข้อมูลทั้งรถและสนาม รวมไปถึงข้อมูลการขับขี่ของนักขับไปไม่น้อยเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้ผลงานของนักบิดส่วนใหญ่จึงเป็นไปอย่างร้อนแรงตั้งแต่การซ้อมเซสชันเช้า
แน่นอนว่าที่ร้อนแรงที่สุดคงหนีไม่พ้น มาร์ค มาร์เกซ นักบิดแชมป์โมโตจีพี 6 สมัยจากดูคาติ เลโนโว ที่กลายเป็นนักบิดคนแรกในการซ้อมคราวนี้ที่ทำเวลาต่อรอบต่ำกว่า 1 นาที 28 วินาที ในการซ้อมที่บุรีรัมย์
เขาทำเวลาได้ 1 นาที 28.855 วินาที ห่างจากสถิติสนามซึ่ง ฟรานเชสโก ‘เป็กโก’ บัญญายา เพื่อนร่วมทีมของเขาทำเอาไว้เมื่อ 1 ปีก่อน ที่ 1 นาที 28.700 วินาที เพียง 0.155 วินาทีเท่านั้น
เขายังทำมันได้ทั้งที่เลือกบิดรถดูคาติ GP25 ที่ตัวเขาเองบอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ว่า “มีจุดอ่อนมากมาย”
ขณะที่น้องชายของเขาอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ จากทีมเกรซินี ก็บิดดูคาติ GP24 ทำเวลาเฉียด 1 นาที 28 วินาทีเช่นกัน โดยเขาทำเวลาตามหลังมาที่ 1 นาที 29.034 วินาที นั่นแสดงให้เห็นว่า รถ GP24 และ GP25 ของดูคาติมีศักยภาพแทบไม่ต่างกันจริงๆ
นอกจากนี้ ใน 6 อันดับแรกของการทดสอบรถวันนี้มีรถของดูคาติครองตำแหน่ง Top 6 ได้ถึง 4 อันดับ โดยนอกจาก 2 อันดับแรกที่กล่าวถึงไปแล้วยังมีเป็กโกที่ทำเวลามาเป็นอันดับที่ 5 ตั้งแต่เซสชันเช้า ด้วยเวลา 1 นาที 29.378 วินาที และอันดับ 6 เป็น ฟรังโก มอร์บิเดลลี จากทีมวีอาร์46 ที่ทำเวลาตามหลังมา 0.599 วินาที
ที่น่าประทับใจและไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือฟอร์มของ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา หลังจากที่ THE STANDARD SPORT ได้พูดคุยกับเขาสั้นๆ เมื่อวานนี้ และเขาเปิดเผยว่ามีความพร้อมมากขึ้นราว 60% ในวันนี้ เขาดูพร้อมยิ่งกว่าเดิมขึ้นไปอีก
โดยเมื่อวานนี้ก้องทำเวลาดีที่สุดในการทดสอบรถรอบบ่ายที่ 1 นาที 31.208 วินาที จบอันดับที่ 20 จากรถทั้งหมด 21 คัน และตามหลังผู้นำในวันแรกอย่างมาร์เกซกว่า 2 วินาที
แต่มาวันนี้นักบิดชาวไทยนิ่งขึ้น ดุดันขึ้น และร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในเซสชันเช้าเขาทำเวลาได้ 1 นาที 30.465 วินาที กระโดดขึ้นมาอันดับ 17 และเฉียดใกล้เวลาต่อรอบต่ำกว่า 1 นาทีครึ่งแค่ไม่ถึงครึ่งวินาทีเท่านั้น
นอกจากนี้เขายังบีบช่องว่างที่ตามหลังจ่าฝูงอย่างมาร์เกซ ที่เคยห่างกว่า 2 วินาทีในวันแรกลงมาเหลือ 1.610 วินาทีในการซ้อมรอบเช้าด้วย
ในช่วงพักเซสชันเช้า ก้องได้ขึ้นมาพูดคุยกับสื่อมวลชนที่ห้องมีเดีย เซ็นเตอร์ โดยเขาเล่าว่า “เดี๋ยวตอนบ่ายผมก็จะมีซิมูเลชันเหมือนเรซแข่งจริง ผมจะขี่ Long Run ค่อนข้างยาวเลย มารอดูกันว่าบอดี้จะไหวสักประมาณไหน แล้วก็จะพยายามกดเวลาให้ Constant มากที่สุดในช่วง Long Run หลังจากนั้นกำลังคุยกับทีมอยู่ว่าเราจะไปกดเวลาหรือไม่ หรือว่าเราจะพอแค่ซิมูเลชัน”
เมื่อถูกถามว่า เขาคุ้นชินกับการขับที่สนามนี้อยู่แล้ว การมาซ้อมในครั้งนี้ในฐานะนักบิดโมโตจีพีต่างออกไปหรือไม่ เขาตอบว่า “เท่าที่ผมดูดาต้าคือไม่ต่างเท่าไร แต่ความเร็วที่ใช้ในแต่ละโค้งยังแตกต่าง ผมรู้สึกว่าต้องมาเพิ่มในจุดที่จะใช้ความเร็วให้มากขึ้นในการขับระดับโมโตจีพี”
ไม่ใช่แค่ สมเกียรติ จันทรา เท่านั้นที่เน้นการซ้อมซิมูเลชันในช่วงบ่าย เพราะนักขับหลายคนก็มุ่งเน้นไปที่แนวทางนั้นเช่นกัน แม้ว่าแทร็กจะเปิดให้นักบิดลงสนามตั้งแต่เวลา 13.30 น. แต่ผ่านไปราว 1 ชั่วโมง ก็มีเพียง เปโดร อคอสตา จากทีมเคทีเอ็ม ที่ลงฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ขณะที่นักบิดบางคนอย่าง ราอูล เฟร์นานเดซ ที่มีอาการบาดเจ็บก็พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ช่วงบ่ายคล้อยจนแทบจะเย็นราว 16.00 น. เราจึงจะเห็นนักบิดลงมาซ้อมกันมากขึ้น และ มาร์ค มาร์เกซ ก็เป็นนักบิดที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ จนเวลาเฉลี่ย 23 รอบของเขาออกมาอยู่ที่ 1 นาที 30.361 วินาที ซึ่งเป็นเวลาเฉลี่ยสนามที่ยอดเยี่ยม เพราะที่ผ่านมาเวลาเฉลี่ยของผู้ชนะการแข่งขันไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์ อยู่ที่ 1 นาที 31.453 วินาที
อย่างไรก็ตาม นักบิดมาเร่งทำเวลากันอีกครั้งในช่วง 1 ชั่วโมงสุดท้าย แม้หลายคนจะทำเวลาได้ต่ำกว่า 1 นาที 30 วินาที แต่ส่วนมากไม่สามารถทำลายสถิติในการซ้อมเซสชันเช้าของตัวเองได้เลย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากอุณหภูมิผิวสนามที่ลดลง ทำให้กริปไม่ได้ยึดเกาะดีเหมือนในช่วงเช้าก็เป็นได้
ขณะที่ สมเกียรติ จันทรา ขยับตัวเองจากการจบอันดับรองบ๊วยในวันแรก มาจบที่อันดับ 17 ในการเทสต์วันที่ 2 ด้วยเวลาที่ทำไว้ในช่วงเช้าที่ 1 นาที 30.465 วินาที
ก้องทำอันดับได้ดีกว่า เฟอร์มิน อัลเดเกร์ นักบิดชาวสเปน ที่เป็นรุกกี้เหมือนกัน ซึ่งจบที่อันดับ 20 ด้วยเวลา 1 นาที 30.597 วินาที ส่วนรุกกี้ที่ทำผลงานดีที่สุดในการซ้อมที่บุรีรัมย์ เป็น ไอ โอกุระ นักบิดญี่ปุ่นจากทีมแทร็กเฮาส์ ที่ทำเวลาต่ำกว่า 1 นาทีครึ่งได้สำเร็จ ด้วยเวลา 1 นาที 29.636 วินาที
โดยหลังจากการซ้อมจบลงได้กว่า 1 ชั่วโมง สมเกียรติ จันทรา มาปรากฏตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในเวลาราว 19.15 น. เขากล่าวถึงฟอร์มโดยรวมในการซ้อมที่บุรีรัมย์ตลอด 2 วันว่า
“สำหรับเทสต์ในวันนี้ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ในช่วงเช้าเราก็พยายามที่จะกดเวลา ส่วนในช่วงบ่ายก็พยายามเคลียร์ Long Run เพื่อเช็กเซ็ตติ้งรถของเรา ก็ถือว่าดีครับในวันนี้ ค่อนข้างพึงพอใจมากครับ
“ถ้าตัวรถผมว่า 99% แล้ว” นั่นคือคำตอบจากปากของก้องเมื่อถูกถามถึงการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อที่จะเข้าสู่การแข่งขันโมโตจีพีแบบเต็มตัว “แต่ถ้าเราย้ายสนามไป เราก็ต้องไปเซ็ตติ้งใหม่ ปรับความเข้าใจใหม่ จุดเบรกทุกอย่างใหม่ทั้งหมด มันก็ต้องเหมือนกับไปนับหนึ่งใหม่ในทุกๆ สนามที่เราไป
“แต่ถ้าเรามาเทสต์แล้ววันหนึ่ง เราเริ่มเกิดความเคยชิน มันก็จะง่ายขึ้น แต่ถ้าเราไปสนามอื่นที่เรายังไม่เคยไปมันก็จะอีกอย่างหนึ่ง”
ถ้าหากนับว่าก้องเข้ามาเรียนใหม่ในระดับชั้นที่สูงขึ้น การจบพรีซีซันเทสต์ที่บุรีรัมย์ด้วยความมั่นใจเช่นนี้ เสมือนเขาเรียนบทปรับพื้นฐานจบได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่นั่นอาจเป็นเพียงแค่บทที่ 0 ของการแข่งขันโมโตจีพีในปีนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ก้องมีเวลา ‘ปิดเทอม’ ให้ได้พักหายใจกันราว 2 สัปดาห์ ก่อนการแข่งขันสนามแรกของโมโตจีพีจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในศึกไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568
และนี่จะเป็นอีกครั้งที่แฟนๆ จะได้มาเยือนยังช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ใครหลายๆ คนเพิ่งได้มาเยี่ยมเยียนเมื่อปลายฤดูกาลก่อน หรือใครหลายๆ คนที่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงพรีซีซันเทสต์
แต่เชื่อว่าแฟนๆ คงยังไม่เบื่อกับการมาเชียร์ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ให้เขาลุ้นคว้าคะแนนแรกบนสนามแรกของการแข่งขันโมโตจีพีในชีวิตนี้อย่างแน่นอน