×

ความทรงจำสุดท้ายของ ‘ท่านผู้หญิงสีน้ำเงิน’ ในเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้

12.02.2025
  • LOADING...
last-memory-lady-blue

ห่างกันเพียงแค่สวนสแตนลีย์กั้น

 

นั่นคือคำบรรยายที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายที่สุดถึงความใกล้ชิดระหว่างเอฟเวอร์ตันและลิเวอร์พูล สองสโมสรฟุตบอลใหญ่ของอดีตเมืองท่าสำคัญของอังกฤษที่มีแม่น้ำเมอร์ซีย์ไหลผ่าน ซึ่งทำให้การพบกันระหว่างสองทีมนี้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้’

 

ความจริงจะเรียกว่าใกล้ชิดก็ไม่ถึงกับถูกต้องทั้งหมด เพราะความจริงยิ่งกว่าคือเอฟเวอร์ตันและลิเวอร์พูล เป็นสองสโมสรที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน แต่แตกตัวกันเพราะความขัดแย้งในหลายเรื่อง

 

เอฟเวอร์ตันความจริงแล้วเป็นสโมสร ‘พี่’ ที่เกิดก่อนในปี 1879 และผ่านการใช้สนามหลายแห่ง ก่อนจะย้ายมาใช้แอนฟิลด์เป็นสนามเหย้าในปี 1882 

 

ใช่ แอนฟิลด์เคยเป็น ‘บ้าน’ ของเอฟเวอร์ตันมาก่อนนานถึง 8 ปีเต็ม 

 

แต่ความขัดแย้งหลายอย่างที่มากกว่าแค่คนจดจำว่าเป็นเรื่องค่าเช่าสนามนำไปสู่การแยกทาง ทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตันย้ายออกจากแอนฟิลด์ไปใช้สนามเมียร์กรีนฟิลด์เป็นรังเหย้าแทนในปี 1892 และในปีนั้นเองที่ จอห์น โฮลดิง หนึ่งในผู้ก่อตั้งสโมสรเอฟเวอร์ตัน ตัดสินใจตั้งทีมฟุตบอลใหม่ ‘ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ’ ที่ใช้สนามแอนฟิลด์ที่ว่างเปล่าเป็นรังเหย้าแทน

เมียร์กรีนฟิลด์ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกูดิสันพาร์ก เพราะตั้งอยู่ใกล้กับถนนกูดิสัน (Goodison Road, ขณะที่สนามแอนฟิลด์ก็ตั้งชื่อตามถนนแอนฟิลด์ Anfield Road) 

 

นี่คือประวัติแบบย่นย่อของการกำเนิดกูดิสันพาร์ก บ้านของทีมเอฟเวอร์ตันที่อยู่ยั้งยืนยงผ่านกาลเวลามากว่า 133 ปี

 

ตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่สนามแห่งนี้

 

รู้ไหมว่านี่คือสนามฟุตบอลแห่งแรกของอังกฤษที่ใช้เพื่อรองรับการแข่งขันเกมฟุตบอลเพียงอย่างเดียว เพราะในยุคแรกของเกมลูกหนังนั้น สนามที่ใช้คือสนามกีฬาทั่วไปที่รองรับการแข่งขันกีฬาหลากหลายประเภท ก่อนที่จะมีการก่อสร้างสนามฟุตบอลแท้ๆ ทั่วประเทศตามมา

 

กูดิสันพาร์กจึงเป็นสนามฟุตบอลที่ล้ำและนำสมัยเสมอ พวกเขาเป็นสนามฟุตบอลที่เคยมีอัฒจันทร์ 2 ชั้นล้อมรอบ 4 ด้าน เพื่อรองรับจำนวนผู้ชมมากมายมหาศาล

สนามที่มีม้านั่งสำรอง (Dugout) แห่งแรก และในเวลาต่อมายังเป็นสนามแรกที่มีระบบทำความร้อน (Heater) ติดตั้งไว้ใต้พื้นสนาม

 

และครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามที่มีศักดิ์และสิทธิ์เป็นรองเพียงแค่สนามเวมบลีย์ เมกะลูกหนังที่เป็นสนามกีฬาแห่งชาติของชาวอังกฤษ 

 

สนามแห่งนี้เคยถูกใช้แทนเวมบลีย์ในช่วงที่มีการทุบทิ้งและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 โดยได้เป็นบ้านของทีม ‘สิงโตคำราม’ อังกฤษมากถึง 10 นัด และในฟุตบอลโลก 1966 ที่กูดิสันพาร์กก็รองรับเกมการแข่งขันมากถึง 5 นัด เป็นรองก็เพียงแค่เวมบลีย์เท่านั้น

 

แต่สำหรับชาวเอฟเวอร์โตเนียนแล้ว ไม่มีเกมใดที่กูดิสันพาร์กจะสำคัญมากไปกว่าเกมดาร์บี้แมตช์กับลิเวอร์พูล

 

ดาร์บี้ที่ไม่เหมือนใคร ในความผูกพันทั้งรักทั้งชัง ทั้งหวานและขมขื่น

 

ปู่เป็นเอฟเวอร์โตเนียน ยายเป็นลิเวอร์พัดเลียน ไปตัดสินกันในรุ่นหลานว่าอยากจะเลือกสีไหนระหว่างน้ำเงินหรือแดง อาการขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูดของสองฝั่งคือเรื่องปกติ แต่ทั้งหมดก็นั่งดูนั่งเชียร์ด้วยกันได้ และสุดท้ายก็ต้องกลับบ้านมานั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ดี

 

เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้หนแรกที่กูดิสันพาร์กเกิดขึ้นในปี 1894 หรือ 2 ปีให้หลังของการแยกตัว

 

เกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านเอฟเวอร์ตันด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 3-0

 

ก่อนที่จะได้เปิดศึกสายเลือดกันที่สนามแห่งนี้อีกหลายต่อหลายครั้ง และมีเกมแห่งความทรงจำระหว่างกันมากมาย

 

ในปี 1948 เกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ที่กูดิสันมีจำนวนผู้ชมเข้ามามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 78,299 คน

 

ในยุค 1980 เอฟเวอร์ตันเป็นคู่แข่งสำคัญในการไล่ล่าความเป็นหนึ่งของเกาะอังกฤษกับลิเวอร์พูล และเกมที่กูดิสันสำคัญเสมอ เพียงแต่ก็มีเกมอัปยศด้วยเมื่อพวกเขาพ่ายต่อลิเวอร์พูลขาดลอยถึง 5-0 ในปี 1982 ซึ่งเป็นเกมที่ทำให้ลิเวอร์พูลแซงขึ้นนำจ่าฝูง 

 

สกอร์​ 5-0 ที่กูดิสันวันนั้นคือความพ่ายแพ้ต่อคู่ปรับร่วมเมืองที่เลวร้ายที่สุด ขณะที่สกอร์ที่พวกเขาเคยถล่มลิเวอร์พูลมากที่สุดก็คือ 5-0 แต่ก็เกิดขึ้นนานโขตั้งแต่ฤดูกาล 1908/09

 

ในปี 1991 เกมเอฟเอคัพ นัดรีเพลย์ เอฟเวอร์ตันไล่ตามตีเสมอลิเวอร์พูล 4-4 ก่อนที่ เคนนี ดัลกลิช จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม อันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคมืดของคู่ปรับในเวลาต่อมา

 

กูดิสันพาร์กเคยเป็นปราการที่ลิเวอร์พูลตีไม่แตกในยุคต้นพรีเมียร์ลีกที่มี ดันแคน เฟอร์กูสัน หรือ ‘บิ๊กดังก์’ หัวหอกจ้าวเวหาชาวสกอตแลนด์อยู่ในทีม ที่ถึงขั้นมีการพูดกันว่าถ้าลิเวอร์พูลคิดอยากจะบุกมาชนะที่นี่พวกเขาต้องหาทางหยุดบิ๊กดังก์ให้ได้ก่อน

 

โดยจุดเริ่มต้นของช่วงเวลานั้นคือวันที่เอฟเวอร์ตันเอาชนะลิเวอร์พูลได้ที่กูดิสัน 2-0 ในเดือนพฤศจิกายน 1994 จากประตูของเฟอร์กูสัน และ พอล ไรด์เอาต์ ซึ่งเป็นชัยชนะที่มีความหมายมากเพราะสถานการณ์ในเวลานั้นพวกเขาวิกฤติหนัก ชนะแค่เกมเดียวจาก 14 นัดแรกของฤดูกาล 

 

ชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลในวันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่นอกจากจะทำให้พวกเขามีกำลังใจต่อสู้รอดพ้นจากการตกชั้นได้ ยังนำไปสู่การคว้าแชมป์เอฟเอคัพด้วยการล้มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ ซึ่งกลายเป็นโทรฟีใหญ่ใบสุดท้ายที่ทีมคว้ามาได้และยังไม่มีความสำเร็จใดๆ อีกเลยตลอดระยะเวลา 30 ปี

 

กว่าลิเวอร์พูลจะชนะที่กูดิสันได้ต้องรอจนถึงปี 2001 เมื่อพวกเขามาได้ประตูชัยสุดมหัศจรรย์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ แกรี แมคคัลลิสเตอร์ ซึ่งกลายเป็นประตูสำคัญของลิเวอร์พูลที่ทำอันดับไปแชมเปียนส์ลีกได้เป็นหนแรก

 

ก่อนที่กูดิสันพาร์กจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นของลิเวอร์พูล เพราะไม่แพ้เอฟเวอร์ตันที่นี่เลยตั้งแต่ปี 2010 

 

จนกระทั่งเอฟเวอร์ตันทำได้สำเร็จในเกมดาร์บี้นัดที่ 119 เมื่อเดือนเมษายน 2024 ยัดเยียดความปราชัยและดับความหวังทั้งหมดของลิเวอร์พูลและ เจอร์เกน คล็อปป์ ในพรีเมียร์ลีก

 

ก่อนจะถึงความทรงจำครั้งสุดท้าย

 

ค่ำคืนนี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้จะลงแข่งในสนามซึ่งได้รับสมญาว่าเป็น ‘The Grand Old Lady’ หรือท่านผู้หญิงของวงการฟุตบอล ก่อนที่เอฟเวอร์ตันจะย้ายไปสนามใหม่ในย่านแบรมลีย์-มัวร์ด็อก ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมใช้งานตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป

 

สิ่งที่ดีคือเกมซึ่งเลื่อนมาจากเดือนธันวาคมเพราะพายุดาราห์ถล่ม – จะเป็นเกมที่เปี่ยมด้วยความหมาย

 

ลิเวอร์พูลต้องการชัยชนะเพื่อเดินหน้าไปสู่การเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 20

 

ส่วนเอฟเวอร์ตัน จริงอยู่ที่เรื่องการหนีตกชั้นก็สำคัญ แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าการเตะตัดขาลิเวอร์พูลไม่ให้สมหวัง

 

แต่ไม่ว่าจะจบอย่างไร ความทรงจำสุดท้ายของท่านผู้หญิงสีน้ำเงินจะถูกเก็บไว้อย่างดีแน่นอน

 

อ้างอิง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising