ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธ (5 กุมภาพันธ์) ส่งผลให้ดัชนีหุ้นหลักปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามความวุ่นวายทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อตลาดในช่วงต้นสัปดาห์
การปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีที่โดดเด่นอย่าง Alphabet และ AMD กลับร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากผลประกอบการที่ออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแตะระดับต่ำสุดในปี 2025 หลังจากตัวเลขภาคบริการของสหรัฐฯ อ่อนแอลง
Dow Jones Industrial Average พุ่งขึ้น 317.24 จุด หรือ 0.71% สู่ระดับ 44,873.28 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของหุ้น NVIDIA ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.39% ปิดตลาดที่ 6,061.48 จุด ในขณะเดียวกัน ดัชนี NASDAQ Composite เพิ่มขึ้น 0.19% ปิดตลาดที่ 19,692.33 จุด
หุ้น NVIDIA พุ่งขึ้นมากกว่า 5% หลังจากที่ Super Micro Computer ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ ประกาศความพร้อมในการผลิตศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยใช้แพลตฟอร์ม Blackwell ของ NVIDIA หุ้น Super Micro Computer พุ่งขึ้นประมาณ 8% หลังจากการประกาศดังกล่าว
ราคาหุ้น Amgen พุ่งขึ้น 6% หลังจากมีกำไรและรายได้ในไตรมาสที่ 4 ดีกว่าที่คาดไว้ และยังช่วยให้ดัชนี Dow Jones ปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่ม Magnificent Seven มาร์เก็ตแคปลดลง 1.5% เนื่องจากผลประกอบการของ Alphabet Inc. บริษัทแม่ของ Google ร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี หุ้นของ Alphabet ร่วงลง 7% หลังจากที่บริษัทแม่ของ Google รายงานรายได้จากคลาวด์ลดลง เนื่องจากบริษัทเพิ่มการใช้จ่ายด้าน AI ทำให้บรรดานักลงทุนเกิดความกังวล หุ้น Advanced Micro Devices Inc. ร่วงลง 6.3% จากรายได้จากศูนย์ข้อมูลในไตรมาสที่ 4 ของบริษัทต่ำกว่าที่คาดไว้ ในช่วงดึก Qualcomm Inc. ปรับตัวสูงขึ้นจากการคาดการณ์ยอดขายที่เป็นขาขึ้น
หุ้นของ Apple ปิดตลาดลดลงเล็กน้อย หลังจากที่ Bloomberg News รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีนกำลังพิจารณาเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและนโยบาย App Store ของบริษัท
BlackRock Inc. บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเตรียมนำผลิตภัณฑ์ซื้อขายแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin โดยตรงเข้าจดทะเบียนในยุโรป หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวกองทุน ETF มูลค่า 58,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ไปแล้ว จากแหล่งข่าวเผยว่ากองทุนดังกล่าวคาดว่าจะตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์
BlackRock เป็นผู้นำในการออกกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยจัดการสินทรัพย์มูลค่ากว่า 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว แม้ว่ากองทุน ETP ที่เชื่อมโยงกับสกุลเงินดิจิทัลจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ยุโรปมาหลายปีแล้ว แต่กองทุนใหม่นี้จะเป็นกองทุน ETP ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลแห่งแรกของ BlackRock นอกอเมริกาเหนือ
ภาพ: xPACIFICA / Getty Images
อ้างอิง:
