สำนักข่าว Reuters รายงานว่า การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย อาจใช้ซาอุดีอาระเบียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเวทีเจรจา โดยอ้างแหล่งข่าววงในเป็นชาวรัสเซีย 2 คนซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน
ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยลั่นวาจาว่าเขาจะยุติสงครามยูเครนโดยเร็วที่สุด และพร้อมที่จะพบปะกับปูติน ขณะที่ปูตินแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ พร้อมกล่าวด้วยว่าเขาพร้อมที่จะพบกับทรัมป์เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นยูเครนและพลังงาน
โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของรัสเซียปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับการเตรียมการสำหรับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูติน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนการพบปะกันแบบตัวต่อตัวในช่วงปลายปีนี้ แต่ถึงเช่นนั้นแหล่งข่าวชาวรัสเซียให้ข่าวกับ Reuters ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียได้เดินทางเยือนทั้งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัสเซียบางส่วนยังคงคัดค้านแนวคิดดังกล่าวอยู่บ้าง โดยนักการทูตและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองบางคนให้เหตุผลว่าซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทางทหารและความมั่นคงที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน
อนึ่ง ทางการซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังไม่ได้ออกมาแถลงใดๆ ขณะที่ทำเนียบเครมลินปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว แต่มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าตัวทรัมป์และปูตินเองต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำของทั้งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทรัมป์กล่าววานนี้ (4 กุมภาพันธ์) ว่า รัฐบาลของเขามี ‘การประชุมและการเจรจาที่กำหนดไว้กับหลายฝ่าย รวมถึงยูเครนและรัสเซีย’ ขณะที่ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวว่า การเจรจาที่ทรัมป์เอ่ยถึงนั้น ‘ดูเหมือนจะมีการวางแผนไว้’
มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน คือผู้นำต่างประเทศคนแรกที่ทรัมป์กล่าวถึงหลังจากเข้ารับตำแหน่ง โดยเขาได้กล่าวถึงมกุฎราชกุมารว่าเป็น ‘บุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก’ ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอลิงก์ต่อผู้ฟังที่เวทีประชุม World Economic Forum ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
ส่วนปูตินซึ่งเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2023 กล่าวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า เขารู้สึกขอบคุณมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียที่ช่วยจัดการแลกเปลี่ยนเชลยศึกระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น
สื่อตั้งข้อสังเกตว่าความสัมพันธ์ระหว่างปูตินและมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียเริ่มใกล้ชิดกันตั้งแต่ปี 2015 เมื่อครั้งที่เจ้าชายเสด็จเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยความสัมพันธ์ดังกล่าวช่วยให้ผู้นำของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด 2 อันดับแรกของโลกสามารถสรุปและรักษาข้อตกลงด้านพลังงานของ OPEC+ ไว้ได้ ขณะทรัมป์เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียและ OPEC ปรับลดราคาน้ำมันลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยต่อรองสำหรับรัสเซียในการเจรจา
-
นักวิเคราะห์มองอย่างไร
ฟีโอดอร์ ลูเกียอานอฟ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ Valdai Discussion Club ซึ่งสมาชิกมักพบปะกับปูตินเป็นประจำ กล่าวว่า ทรัมป์และปูตินไม่มีทางเลือกมากนักเกี่ยวกับสถานที่จัดประชุม เพราะชาติตะวันตกเกือบทั้งหมดก็เลือกยืนข้างยูเครน ฉะนั้นสถานที่จัดงานเดิมๆ เช่น เฮลซิงกิ เจนีวา และเวียนนา จึงไม่เหมาะสมสำหรับงานนี้
และแม้ว่าซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะมีบทบาทสำคัญมาก แต่ทั้งสองประเทศก็เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดคำถามจากฝ่ายรัสเซียได้
อย่างไรก็ตาม ลูเกียอานอฟกล่าวสรุปว่า “แต่ถึงเช่นนั้น ในฐานะสถานที่สำหรับการเจรจา (ทั้งสองประเทศที่กล่าวมา) ก็อาจมีความเป็นไปได้”
แฟ้มภาพ: Elizabeth Frantz / Reuters และ Sputnik/Ramil Sitdikov/Pool via Reuters
อ้างอิง:
