เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคผลัดใบอีกครั้งสำหรับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ถึงช่วงรับไม้ต่อจาก ‘ดิษทัต ปันยารชุน’ มาอยู่ในมือของ ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ ซึ่งเป็นลูกหม้อ ปตท.
การเข้ารับตำแหน่งของ ม.ล.ปีกทอง ซีอีโอป้ายแดง ได้วางโรดแมปของ OR ที่ยังคงยึดวิสัยทัศน์เดิมคือ ‘Empowering All toward Inclusive Growth’ หรือ ‘เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน’ และต่อยอดนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ เนื่องจากมองว่า “การเปลี่ยนวิสัยทัศน์บ่อยไม่ใช่เรื่องดี เพราะต้องเสียเวลาทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ใหม่ที่อาจต้องใช้เวลาเป็นปี”
ม.ล.ปีกทอง เปิดใจถึงการเข้ารับตำแหน่งซีอีโอ OR อีกว่า ได้ผ่านประสบการณ์การทำงานมามากมาย ตั้งแต่การเริ่มต้นเป็นวิศวกรขุดเจาะน้ำมัน
“การเข้ามาดูแล OR ในช่วงจังหวะนี้เป็นความท้าทาย และได้เตรียมแผนธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่ประเมิน OR ผ่านราคาหุ้นว่า ปตท. ยังมีคนเก่งและจะทำหน้าที่ผลักดันองค์กรและสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ CEO คนใหม่ของ OR
- เทียบชั้นธุรกิจน้ำมันในไทย 5 แบรนด์ใหญ่แข่งเดือด ใครเป็นใคร ปี 2567 มีกี่สถานีบริการ
- เปิดประวัติ ‘คงกระพัน อินทรแจ้ง’ ซีอีโอป้ายแดง คนที่ 11 ‘ปตท.’
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับ ประสานสอบถามข้อมูล PTT-OR หลังมีกระแสข่าว DSI สอบสวนปมธุรกรรมขาย B100 ราคาต่ำผิดปกติ
ก้าวต่อไปของ OR ในมือของ ม.ล.ปีกทอง จึงยังคงเดินหน้าแผนลงทุน 5 ปี 6 หมื่นล้านบาท โดยปี 2568 วางงบลงทุน 1.9 หมื่นล้าน เพื่อบุกธุรกิจ ‘นอนออยล์’ ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจ ‘โมบิลิตี้-ไลฟ์สไตล์’ ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค โดย ม.ล.ปีกทอง ย้ำว่า “จะขอดึงจุดเด่นของ OR กลับมา”
ฟื้นมาร์เก็ตแชร์ 38%
ม.ล.ปีกทอง เปิดเผยว่า ตั้งเป้าที่จะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดขายปลีกน้ำมันของ OR เพิ่มขึ้น 2-3% ในปีนี้ หรือเติบโตอยู่ที่ระดับ 38% เทียบเท่าปี 2566 โดยจะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อดึงจุดเด่นของ OR กลับคืนมา
ส่วนมุมมองต่อประเด็นการลดราคาพลังงาน มองว่าการลดราคาลงโดยสวนทางกลไกตลาดโลกอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก “เพราะประเทศไทยผลิตน้ำมันเองได้น้อยมาก คนไทยควรตระหนักถึงประเด็นนี้ ไม่เช่นนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ออกไปสู่ต่างประเทศหมด”
ส่วนกรณีที่รัฐบาลออกมาตรการเก็บภาษีคาร์บอนนั้น ยืนยันว่าไม่กระทบต่อธุรกิจ OR
ปรับทัพเน้นรุกธุรกิจ ‘โมบิลิตี้-ไลฟ์สไตล์’
ขณะที่แผนการลงทุน 5 ปี ยังคงวางไว้ 6 หมื่นล้านบาท แต่สำหรับปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท เพื่อเน้นไปที่การลงทุนในโมบิลิตี้ 7.6 พันล้านบาท ไลฟ์สไตล์ประมาณ 7.3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็น Global Market ประมาณ 2,771 ล้านบาท และ Innovation & New Business ประมาณ 1,178 ล้านบาท
“เรายังคงเดินตามคอมมิตเมนต์ที่ให้ไว้ในวันที่ IPO คือการเดินหน้าลงทุนในส่วนที่เหลือจากงบลงทุน 6 หมื่นล้านบาท และแผนลงทุน 5 ปียังเป็นไปตามเดิม วางโมบิลิตี้และไลฟ์สไตล์เป็นหลัก”
แต่ขณะเดียวกันจะมีการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ โดยจะนำโมบิลิตี้และไลฟ์สไตล์ที่ทำได้ดีและประสบความสำเร็จไปลงทุน ซึ่งปัจจุบันเรายังคงเน้นตลาดเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชา เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตและแมตช์กับโมเดลธุรกิจของ OR
“ส่วนเมียนมา ด้วยสถานการณ์แซงก์ชันจึงยังคงฟรีซธุรกิจไว้ ในบรรดาเพื่อนบ้านเรายังคงมองกัมพูชาเป็นประเทศที่ใกล้ที่สุดและเป็น Second Home ของ OR”
ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ธุรกิจเราจะเติบโตตาม GDP ราว 2-3% หรือมากกว่า และคาดว่า EBIDA จะโต 10-15% ซึ่งต้องติดตามความท้าทายหลายๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจโลกและไทย
ไม่ทิ้งธุรกิจ EV แต่ลดเป้าสถานีชาร์จจาก 7,000 เหลือ 5,000 สถานีชาร์จ
นอกจากนี้แม้ว่าบริษัทแม่ ปตท. จะชะลอและทบทวนแผนธุรกิจ EV แต่ OR ยังคงเดินหน้า แต่อาจต้องปรับลดตามทิศทางเศรษฐกิจ
“แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว EV มาแน่นอน เพราะการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นวิธีที่จะช่วยลดคาร์บอน แต่ใน Strategy ของ OR เองมองว่า EV จะเป็นโอกาสของ OR ได้ เพราะเจเนอเรชันแรกๆ ที่ซื้อ EV ก็คือคนเมืองส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในคอนโดซึ่งจะไม่มีที่เติมไฟฟ้า” เขากล่าวย้ำ
ดังนั้น EV Charger จะเป็นส่วนผลักดันให้ธุรกิจนอนออยล์ของ OR เติบโตและเป็นสิ่งที่ OR สามารถเปลี่ยนผ่านจากสถานีบริการน้ำมันธรรมดาไปที่ OR Space หรือสถานีบริการสำหรับ EV
โดยการลงทุนในธุรกิจ EV จะโฟกัสที่ Charging Station Network หรือ EV Charger และสิ้นปีที่ผ่านมาสามารถเปิด 1,000 สถานีชาร์จ ด้วยงบการลงทุนปีละประมาณ 1 พันล้านบาท OR จะรักษางบการลงทุนในระดับนี้ต่อไป
ขณะเดียวกัน คาดว่าปี 2568 อาจใช้งบลงทุนน้อยลงเพราะราคา Charger ถูกลงและการแข่งขันด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐตั้งเป้ามี EV Charger 12,000 สถานีชาร์จ ในปี 2030 แต่อัตราการเพิ่มของ EV ลดลงทำให้ไม่เป็นไปตามแผน ดังนั้นเดิม OR ตั้งเป้าจะขยาย EV Charger ครบ 7,000 สถานีชาร์จ ต้องปรับลดลงมาเหลือ 5,000 สถานีชาร์จ ตามคาดการณ์ของรถ EV ที่เปลี่ยนไป แต่ตามหลักการของเรา EV Charger ก็จะต้องเลี้ยงตัวเองได้ด้วยเช่นกัน
OR ยังคงเสริมแกร่งธุรกิจ 3 เสาหลัก
- Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ เปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-based)
- All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon แสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness เป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุน (Diversify Portfolio)
- Global Market ให้ความสำคัญในการลงทุนกับประเทศที่มีศักยภาพสูงในต่างประเทศ
นอกจากนี้ OR จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet
ม.ล.ปีกทอง กล่าวอีกว่า เร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ ‘Next Amazon’ โดยจะเป็นธุรกิจเติบโตและอยู่ได้ด้วยโมเดล Café Amazon ที่ปัจจุบันสามารถต่อยอดเติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ อาจเป็นแบรนด์สินค้าใหม่หรือไม่อย่างไรต้องรอติดตาม