WHA เผย อานิสงส์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทรัมป์ 2.0 หนุน ‘โรงงานจีน’ ย้ายฐานผลิตมาไทย! “จรีพร” ทุ่มลงทุนระยะยาว 5 ปี (2568-2572) 1.19 แสนล้านบาท ตั้งเป้า 5 ปี โกยรายได้ 1.5 แสนล้าน พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ระบบกักเก็บคาร์บอน (CCUS) รับ New S-Curve
จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) สงครามการค้า (Trade War) สหรัฐฯ-จีน ส่งผลให้โรงงานและผู้ผลิตหลายรายจากจีนมีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี จะเห็นได้ว่ามีการทยอยประกาศนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เห็นแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมายังประเทศไทยชัดเจนขึ้น
ทำเลไทยและภูมิภาคอาเซียนคือจุดยุทธศาสตร์ที่ดี
จรีพรระบุว่า ปัจจุบัน WHA Group อยู่ระหว่างพูดคุยกับผู้ประกอบการกว่า 100 ราย ซึ่งแต่ละรายมีความต้องการที่ดินประมาณ 400-600 ไร่ และต่างเป็นบริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่ ซัพพลายเชน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า
“ปี 2568 นโยบายทรัมป์ 2.0 จะยิ่งส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมหลั่งไหลจากจีนเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทยเพิ่มมากขึ้น เรามองเป็นผลดีต่อบริษัทที่อาจจะช่วยสร้างโอกาสในการเข้ามาลงทุนให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงไทยมากขึ้น ซึ่งถือว่ามีที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ มีศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจร โดยที่ผ่านมาเห็นนักลงทุนจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขคำขอส่งเสริมลงทุนจาก BOI สูงถึง 1.1 แสนล้านบาท” จรีพรย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- คุยกับ ‘วิกรม กรมดิษฐ์’ ก้าวต่อไปของ AMATA สู่ปีที่ 50 ปีแห่งโอกาสรับคลื่นทุนต่างชาติย้ายฐานผลิตมาอาเซียน
- ทำไมอุตสาหกรรม ‘เซมิคอนดักเตอร์’ โตเร็วสุดในเวียดนาม และยังคงเป็นเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย
- ทำไม Trade War รอบนี้ไทยตกเป็นเป้าทั้งขึ้นทั้งล่อง สินค้าไหนเสี่ยงโดนเช็กบิลจาก Trump 2.0
- เปิดฉากทัศน์ทางรอดเศรษฐกิจไทย ในสนามสงครามการค้ายุคทรัมป์ 2.0
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ และสาธารณูปโภคและพลังงานเป็นหลัก รวมถึงมีการเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินเพิ่มเติม พร้อมตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวม 2,350 ไร่ ทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งจะเน้นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเชื่อว่าจะผลักดันให้ปีนี้สร้างรายได้และส่วนแบ่งกำไรที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท และคงอัตรากำไร EBITDA Margin มากกว่า 45%
เป้า 5 ปี แตะ 1.5 แสนล้าน
จรีพรกล่าวอีกว่า WHA Group ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 5 ปีที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยวางกลยุทธ์หลักในการขยายความเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน นำศักยภาพขององค์กรไปสร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน
ดังนั้นด้วยการอัดงบลงทุนกว่า 1.19 แสนล้านบาท วางแผนสร้างรายได้ให้เติบโตประมาณ 2.9 เท่าจากปี 2567 และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนน้อยกว่า 1.2 เท่า แบ่งตามประเภทธุรกิจหลัก ดังนี้
- ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม – ปัจจุบันมีพื้นที่นิคมในไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 8,810 ไร่ ส่วนเวียดนามยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 2 โครงการ และ 1 โครงการ ขนาด 1,094 ไร่ อยู่ระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตลงทุน และยังได้ลงนามกับรัฐบาลท้องถิ่นทัญฮว้า (Thanh Hoa) พัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่ง 4,000 ไร่
- ธุรกิจโลจิสติกส์ – ปี 2568 จะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร
- ธุรกิจโมบิลิตี้ – โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรภายใต้แบรนด์ Mobilix ตั้งเป้าให้บริการเช่ารถ EV 20,000 คันในอีก 5 ปี ปีนี้คาดว่าจะมีรถ EV ให้เช่ารถมากกว่า 1,700 คัน
- ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) – ขยายทั้งในและพื้นที่นอกนิคม ส่วนเวียดนาม ตั้งเป้ายอดขายและบริหารจัดการน้ำ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร รุกธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
- ธุรกิจไฟฟ้า – เดินหน้าขยายการลงทุนพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและนอกประเทศ โดยในประเทศเน้นโซลาร์รูฟท็อป และพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA ส่วนเวียดนามกำลังศึกษาและพัฒนาโครงการไมโครกริด ที่ WHA Smart Technology Zone 1 ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2569
- ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บคาร์บอน (CCUS) พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 1,185 เมกะวัตต์ จากพลังงานหมุนเวียน 657 เมกะวัตต์
- ธุรกิจดิจิทัล – ปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 12 โครงการ
อีกทั้งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ Mobilix ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการรถ EV และแบตเตอรี่
โดยตั้งเป้าหมายสำหรับยอดการใช้ 6,000 คัน ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ พร้อมให้บริการภายใน WHA Group ในปี 2568 ด้วย