×

นายกฯ สั่งการจากดาวอส ให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาฝุ่นเร่งด่วน

โดย THE STANDARD TEAM
23.01.2025
  • LOADING...

วันนี้ (23 มกราคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้ส่วนราชการทุกส่วนที่ร่วมประชุม ทั้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และคณะทำงานส่วนราชการในการแก้ไขฝุ่นควัน เมื่อวันพุธที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนการเดินทางมาประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส

 

นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานต่างๆ เร่งแก้ไขปัญหาทันที ตามที่มีการกำหนดแนวทางในการประชุม และขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการแก้ไขแบบเร่งด่วนทันที และแผนการระยะสั้นและระยะยาว โดยขอให้หน่วยงานต่างๆ รายงานการดำเนินการทุกวัน โดยกรุงเทพมหานครขอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตัดสินใจทันที อย่างเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัด กทม.

 

ส่วนราชการอื่นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ให้ตัดสินใจพิจารณาดำเนินการ และกำชับให้ กทม. ใช้ 9 มาตรการ เช่น เข้มงวดตรวจวัดและตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภทอย่างเข้มข้น

 

ขณะที่กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เข้มข้นในการดำเนินมาตรการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และกวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเข้าตรวจสอบเป็นระยะ

 

ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า เผาตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อย และพืช ในทุกหมู่บ้านทุกอำเภอทั้งประเทศ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด และดำเนินคดีกับผู้เผาป่า ด้วยกฎหมายป่าไม้ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้เผา เช่น กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประมวลกฎหมายอาญา โดยให้รายงานสถิติการจับกุม

 

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่นๆ ที่ผ่านการเผาอย่างเด็ดขาด และตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด

 

นอกจากนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง และกรมศุลกากรตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าพืชที่ผ่านการเผาทุกชนิดตามแนวชายแดนต่างๆ อย่างเข้มงวดตลอดเวลา

 

ส่วนราชการอื่นๆ รัฐบาลสั่งการให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถปิกอัพ รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ปล่อยควันดำ รวมทั้งรถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ โดยขอให้ตรวจสอบและกวดขันการจับกุมให้เข้มข้น โดยในกรุงเทพมหานคร กองบังคับการตำรวจจราจรตั้งด่านตรวจควันดำใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร

 

กระทรวงมหาดไทยกำชับ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผา และให้รายงานสถิติการดำเนินการ

 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องในการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น กรมการข้าว และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา

 

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ Hotspot และ Ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ Low-cost Sensors เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ

 

กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขให้ สธ. ทั่วประเทศ เข้ม 5 มาตรการ 1. ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเตรียมพร้อม 2. เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ 3. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ (สสจ.) จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง 4. ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม เช่น เพิ่มห้องปลอดฝุ่น มุ้งสู้ฝุ่น และ 5. สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย อย่างเร่งด่วนต่อไป

 

ทั้งนี้ วันพรุ่งนี้ (24 มกราคม) นายกรัฐมนตรีจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนอีกครั้ง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising