TikTok กลายเป็นเครื่องมือการตลาดยุคใหม่ที่นักการตลาดบอกว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ แต่เมื่อแอปในสหรัฐฯ กำลังจะปิดตัวลง มีผลในวันอาทิตย์นี้ (19 มกราคม) แบรนด์สินค้าต้องปรับตัวหาช่องทางทำตลาด-ขายสินค้าใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักการตลาดส่วนใหญ่มองว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ไม่ว่าแพลตฟอร์มไหนก็ไม่สามารถทดแทนได้ เนื่องจากจุดแข็งของ TikTok นั้นเป็นชุมชนใหญ่และผู้ใช้งานมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำคอนเทนต์ให้เป็นกระแสได้ง่ายและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
“แต่เมื่อแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ โดนสั่งปิดแล้ว ผลกระทบที่ตามมาคือแบรนด์ต่างๆ จะสูญเสียโอกาสในการตลาดและเสียฐานลูกค้า หลังจากใช้เวลาสร้างฐานผู้ติดตามมาหลายปี ทุกอย่างจะต้องพังลงในชั่วข้ามคืน” ไมค์ ซีแมน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของแอป Life360 กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เช่นเดียวกับ Life360 ที่ผ่านมาได้สร้างฐานผู้ติดตามบน TikTok กว่า 1.5 ล้านคน และการทำคอนเทนต์ในช่องทางนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนี้บริษัทต้องหันไปโฟกัสแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube, Facebook และ Instagram แทน
รวมถึงแบรนด์ขนม Final Boss Sour ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้บริษัทจะมั่นใจว่าสินค้าสามารถขายผ่านช่องทางอื่นได้ แต่ TikTok ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ได้ดี โดยยอดขายจาก TikTok Shop คิดเป็นเกือบ 60% ของรายได้ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งการปิด TikTok ในสหรัฐฯ ทำให้บริษัทต้องปรับแผน พร้อมขยายตลาดไปที่ TikTok Shop ในประเทศอื่นต่อไป
ถึงอย่างไรนักการตลาดหลายคนมองโอกาสรอด ทั้งการปรับตัวไปโฟกัสช่องทางอื่นๆ ด้วยการพยายามนำเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่สร้างขึ้นบน TikTok ไปปรับใช้ใน Instagram Reels หรือ YouTube Shorts โดยยังคงเน้นรูปแบบการสื่อสารและความคิดสร้างสรรค์แบบเดียวกับที่ประสบความสำเร็จบน TikTok และมองไปถึงการขยายตลาดบน TikTok ในประเทศอื่น เช่น อังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา TikTok กลายเป็นช่องทางขายสินค้าของแบรนด์ต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มากกว่า 170 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลช่องทางนี้จะยิ่งขายดีเป็นพิเศษ แน่นอนว่าเมื่อแอปต้องปิดตัวลงก็ย่อมกระทบกับยอดขายของสินค้าแน่นอน
ภาพ: Tomas Ragina / Shutterstock
อ้างอิง: