วันนี้ (15 มกราคม) ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนส่วนหนึ่งออกมาคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) โดยยอมรับว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาการพนันได้ 100% ซึ่งมีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหา
ปัจจุบันพบว่า มีคนไทยออกไปเล่นการพนันตามประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจไม่ถูกกฎหมายและยังเป็นเรื่องสีเทา ส่งผลให้เงินเหล่านี้หลุดออกไปนอกระบบ และไปก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชน แต่ถ้าประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจรจะสามารถดึงเม็ดเงินเหล่านี้กลับมายังประเทศไทยได้ และมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ศึกษิษฏ์ยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ที่สามารถนำเงินจากการเก็บค่าใบอนุญาต (License) เพื่อมาเป็นรางวัลนำจับการพนันผิดกฎหมายได้ และพบว่าการก่ออาชญากรรมลดลง พร้อมย้ำว่า เงินที่เล่นตามแนวชายแดนมีจำนวนมาก ซึ่งใบอนุญาตจะสามารถช่วยลดปัญหาการพนันได้ และนอกจากเป็นรางวัลนำจับแล้ว ยังตั้งโครงการบำบัดการติดพนันด้วย ซึ่งหลายประเทศทำกัน
ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่า ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรจะเป็นแหล่งฟอกเงิน ศึกษิษฏ์กล่าวว่า ในร่าง พ.ร.บ. กำหนดไว้ว่าการลงทุนจะต้องมีเงินขั้นต่ำ 1 หมื่นล้านบาท และการลงทุนจะต้องเป็นขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนตัวเข้าใจว่าสังคมมีข้อกังวลในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รัฐบาลจึงบอกว่า ควรจะต้องดึงผู้ประกอบการที่ดูแลและกำกับในระดับโลก ซึ่งจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทเหล่านี้กำกับโดยสหรัฐอเมริกา เช่น ในพื้นที่ลาสเวกัส มาเก๊า และสิงคโปร์
ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จะกลัวมากกว่า เพราะไม่สามารถมาสร้างความเสียหายในประเทศไทยได้ โดยหากมีปัญหาการฟอกเงินในไทย ติดการพนัน ส่งผลกระทบต่อสังคม บริษัทเหล่านี้อาจต้องถูกถอนใบอนุญาต ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่รัฐบาลบอกว่า การลงทุนในรอบแรกที่เป็นสิ่งใหม่ ประเทศไทยจึงต้องนำบริษัทที่มีประสบการณ์ที่เคยทำงานมาแล้ว และสามารถบริหารจัดการการฟอกเงิน และบริหารหนี้ติดการพนันได้ ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบที่มีการป้องกันและมีกฎเกณฑ์ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างรัดกุม
ขณะที่มาตรการป้องกันกลุ่มจีนสีเทา เนื่องจากมีความสนใจในเรื่องนี้ ศึกษิษฏ์กล่าวว่า รัฐบาลจะมีมาตรการตั้งแต่การขออนุมัติ เมื่อจัดตั้งสำนักงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ซึ่งบริษัทต่างๆ ก็จะต้องยื่นแผนประกอบการลงทุน ระบุรายละเอียดว่าผู้ถือหุ้นเป็นใคร ดังนั้นก็จะตรวจสอบได้ว่าใครคือผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังมีระบบที่ระบุอยู่ใน พ.ร.บ. ว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นต้องแจ้งให้คณะกรรมการนโยบายทราบ
ศึกษิษฏ์ย้ำว่า จะตรวจสอบย้อนหลังไปถึงผู้ถือหุ้น และบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกก็ให้ความสนใจ ก็จะไม่เสี่ยงในเรื่องเหล่านี้ เพราะหากเกิดความเสียหายจะส่งผลกระทบต่อบริษัท ทำให้รัฐบาลคิดว่าแนวทางตามที่คณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพมาก ทั้งด้านการดึงดูด การลงทุน และการกำกับดูแล
ขณะที่มีการตั้งเป้าว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จภายในปี 2572 นั้น ศึกษิษฏ์ระบุว่า ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีระบุ เข้าใจว่าจะเป็นการเปิดให้เริ่มลงทุนและเปิดให้บริการ ซึ่งตั้งใจไว้เช่นนั้น โดยขณะนี้ในเรื่องกฎหมาย หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จและไม่มีการเปลี่ยนแปลงในหลักการ ก็จะสามารถส่งเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไปได้ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงในหลักการก็ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ถือว่าเรื่องนี้ทุกพรรคให้การสนับสนุน
ทั้งนี้ มองว่าหากร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่ที่ประชุมสภาแล้ว จะถือเป็นโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนได้พิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบ และมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการรับฟังความเห็นเพื่อให้กฎหมายดังกล่าวดีขึ้น
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้จัดทำประชามติ เนื่องจากเรื่องนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างนั้น ศึกษิษฏ์เห็นว่า เรื่องนี้รับฟังความเห็นไปแล้ว และขั้นตอนที่จะบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ก็ผ่านการโหวตจากสภานิติบัญญัติอยู่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ก็พร้อมรับข้อสังเกตจากประชาชน
ก่อนที่จะเปิดให้ลงชื่อคัดค้าน ซึ่งไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลายและมองเป็นประเด็นทางการเมืองมากเกินไป แต่อยากให้มองเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่า เรื่องนี้จะสามารถดึงดูดนักลงทุนขนาดใหญ่และยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยมาพร้อมกับมาตรการการป้องกันผลกระทบทางสังคมที่บริษัทยักษ์ใหญ่มีอยู่แล้ว การฟอกเงิน และจีนเทา ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว ส่วนตัวเข้าใจว่าจะมีคนเห็นต่าง
ศึกษิษฏ์ยังระบุอีกว่า หากใครที่ไม่อยากให้คนในครอบครัวเข้ามา ก็สามารถส่งรายชื่อให้เป็น Negative List ได้ ส่วนการกำหนดค่าเข้า 5,000 บาท เป็นการระบุในบัญชีแนบท้าย ซึ่งเป็นเพียงเพดาน อาจต่ำกว่านั้นได้ ต้องรอดูผลการศึกษา หากกฎหมายผ่านจะจัดตั้งสำนักงานว่าค่าเข้าควรจะเท่าไรหรือตั้งที่ใด ค่าอนุญาตอยู่ที่เท่าไร ซึ่งจะมีจุดสมดุล
เช่น ในประเทศสิงคโปร์ เก็บค่าเข้า 10,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นการคำนวณโดยใช้ค่าตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางไปยังคาสิโนที่ใกล้ที่สุด ส่วนแนวคิดของเราจะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้คิดออกมา รวมถึงจุดสมดุลในการป้องกันทางสังคม ซึ่งหากใช้แนวคิดเดียวกันกับสิงคโปร์ อาจคิดในลักษณะที่คนไทยนั่งรถตู้ไปคาสิโนปอยเปต เพื่อแลกกับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ศึกษิษฏ์ยังกล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องค่าเข้าแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เพื่อป้องกันกลุ่มเปราะบางเข้าไปเล่น ส่วนราคาเท่าไรถึงจะเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสำนักงานที่จัดตั้งเป็นผู้พิจารณา ส่วนสถานที่ตั้งจะอยู่ที่ใด กรรมาธิการเคยศึกษาในเบื้องต้นว่าควรจะอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติ มีการคมนาคมขนส่งที่พร้อม และใกล้สถานที่เที่ยวอื่น ซึ่งจะเป็นสมดุลของ Demand และ Supply ว่ารัฐและผู้ประกอบการต้องการที่ใด โดยสำนักงานจะต้องศึกษาอีกครั้งว่าพื้นที่ใดต้องการ Man-Made Destination (สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น) อย่างไร
ส่วนไทม์ไลน์กฎหมายนั้น ศึกษิษฏ์กล่าวว่า ตนยังไม่มั่นใจในไทม์ไลน์ แต่อยากให้ทุกอย่างรอบคอบ และให้เวลาคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับปรุงกฎหมายให้เต็มที่ พร้อมย้ำว่า ความเห็นของกฤษฎีกาเป็นความเห็นที่ดี เพราะกฎหมายเป็นกฎหมายใหม่ และเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับประเทศไทย จึงจำเป็นต้องให้เวลาในการรวบรวมและปรับปรุง พ.ร.บ. ทั้งนี้ ตั้งใจให้เวลาเป็นไปตามที่ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะสามารถเริ่มได้ในปี 2572 แต่จะพยายามเร่งให้เหมาะสม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงไม่ใช้ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่มีอยู่แล้ว ศึกษิษฏ์อธิบายว่า เป็นอะไรที่ต่างกัน เนื่องจาก พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 เก่ามาก ไม่ทันกับรูปแบบใหม่และสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีมากกว่าแค่การพนัน เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ มีอะไรบางอย่างที่ต้องปลดล็อก มีมาตรฐานความปลอดภัย และเปิด 24 ชั่วโมงได้หรือไม่ ซึ่งเป็นกรณีปลีกย่อย จึงจำเป็นต้องมี พ.ร.บ. เป็นพิเศษ
ศึกษิษฏ์ยืนยันว่า เท่าที่คุยมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาสอบถามถึงข้อกฎหมาย และทุกคนก็ตั้งตารอว่าเมื่อไรประเทศไทยจะมี เพราะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียมีเกือบทุกประเทศแล้ว ส่วนลูกค้าที่จะใช้บริการจะเน้นที่กลุ่มต่างประเทศเป็นหลัก โดยยกตัวอย่างจากโมเดลของสิงคโปร์ เจาะกลุ่มไปที่ลูกค้าวีไอพี ซึ่งจะต้องไปพูดคุยรายละเอียดว่า หากต้องการดึงดูดลูกค้าเหล่านี้เข้ามา การเก็บภาษีจะต่างจากลูกค้าธรรมดาอย่างไร พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่กลุ่มลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ศึกษิษฏ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของการแข่งขัน ทุกกลุ่มที่จะยื่นโครงการเข้ามาในคณะกรรมการมีโอกาสเท่ากัน ซึ่งปัจจุบันเรามีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่ใช้ดึงดูดกลุ่มนักลงทุน พร้อมกับยอมรับว่า มีนักลงทุนระดับโลกหลายเจ้าให้ความสนใจ