ปี 2024 เรียกได้ว่าเป็นปีที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเฟื่องฟูสมบูรณ์แบบ ผู้คนสัญจรไปมาทั้งทางบก ทางอากาศ หรือแม้แต่ทางน้ำ จนบางแห่งถึงขั้นเกิดปัญหา Overtourism ขึ้นมาครั้งแรกเลยทีเดียว ความยั่งยืนกลายเป็น Norm ของนักเดินทางตัวจริง Wellness Tourism เป็นทางเลือกหลักของนักพักผ่อนผู้ใส่ใจสุขภาพ นักเดินทางและนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเที่ยวฉาบฉวยเข้าสู่คำว่า Well-being คือดูแลสุขภาพกายใจไปพร้อมกับการเดินทาง ไม่หักโหม เคารพท้องถิ่น ฯลฯ
ภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2025 สำหรับเราดูเหมือนเทรนด์ท่องเที่ยวจะไม่ต่างจากเดิมมากนักในภาพใหญ่ แต่กลับแตกรากลงลึกและลึกซึ้งมากกว่าเดิม ระยะเวลาการเดินทางยาวนานขึ้น นักเดินทางจะมุ่งหาความสงบและมองหาอะไรใหม่ๆ มากขึ้น (เพราะ Overtourism กลับมาแล้ว) และแน่นอนว่าปีนี้ AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ช่วยนักเดินทางเข้มข้นกว่าเดิม
หน้าตาของโลกท่องเที่ยวปี 2025 จะเป็นเช่นไร อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง นี่คือเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2025 ที่ THE STANDARD LIFE สรุปมาให้คุณ
ผู้คนต่างแสวงหาเมืองเล็ก เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง
Overtourism ทำให้ผู้คนเบื่อหน่ายและมองหาความสงบ แถมการแพร่ระบาดใหญ่ยังทำให้ผู้คนรู้ซึ้งว่าการเดินทางให้สนุกไม่จำเป็นต้องเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมเสมอไป ในปี 2025 ผู้คนจะกลับมาแสวงหาเมืองเล็กอีกครา นักเดินทางต่างต้องการสถานที่พิเศษที่ทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์เฉพาะตัว ไม่ใช่แค่ไปพบไปเห็นแล้วจบ แต่ต้องเป็นสิ่งใหม่หรือวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ทำความรู้จักกับท้องถิ่นนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง
Noctourism การท่องเที่ยวยามราตรีมาแน่
เอ่ยถึงการท่องเที่ยวยามราตรี แน่นอนว่าไม่ใช่การเดินเข้าบาร์หรือคลับ Noctourism มาจากคำว่า Nocturnal (ที่ออกหากินยามค่ำคืน) + Tourism (การท่องเที่ยว) รวมกันแล้วหมายถึงการออกไปทำกิจกรรมหรือหาประสบการณ์การเดินทางในช่วงเวลากลางคืน หลายคนอาจคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์บ้างแล้ว แต่ปีนี้แค่ดวงดาวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะผู้คนจะอยากรับประสบการณ์อื่นที่มากกว่าแค่ดูดาว หลายสถานที่ท่องเที่ยวในปีนี้จะเริ่มเปิดยามค่ำคืนมากขึ้น เช่น พิพิธภัณฑ์ ร้านค้า หรือกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึง Night Safari, การดูชายหาดเรืองแสง และการชมแสงเหนือ
การผจญภัยทางกีฬา
หากปี 2024 เป็นปีแห่งการเดินทางในฐานะแฟนกีฬา ปี 2025 จะเป็นปีที่เราเดินทางเพื่อปลดปล่อยความเป็นนักกีฬาในตัวเรา ความปรารถนาที่จะสุขภาพดีผลักดันให้ผู้คนรวมกีฬาเข้ากับกิจกรรมการเดินทางของตนเอง ซึ่งเราเริ่มเห็นกระแสนี้มาบ้างปลายปีที่แล้ว โรงแรมหลายแห่งผุดสนามสำหรับเหล่า Racketeering ไม่ว่าจะเป็นสนามเทนนิส สนามพิกเกิลบอล หรือเชิญเหล่านักกีฬาคนดังมาโค้ช, Forte Village ในซาร์ดิเนียจะเปิดโรงเรียนสอนฟันดาบโดยมีแชมป์โอลิมปิกเป็นผู้นำ, Chiva-Som เปิดคอร์สเพื่อฝึกชีวกลศาสตร์ของกอล์ฟ หรือ Palace Merano ในอิตาลีจะเปิดตัว Sports Recovery Lab ร่วมกับ Jen Murphy
การเดินทางเพื่อ ‘อายุยืน’ คือ Priority แรกของนักเดินทางรักสุขภาพ
ความหลงใหลในอายุยืนแบบสุขภาพดีของมนุษย์ ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย ตั้งแต่เกิดโรคระบาด มนุษย์ให้ความสนใจกับสุขภาพตัวเองและหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพในทุกระดับ คำว่า ‘อายุยืน’ (Longevity) กลายเป็นคีย์เวิร์ดและเทรนด์สุขภาพมาแรง ดูได้จากหนังสือขายดีอย่าง Outlive และสารคดียอดนิยมของ Netflix ชุดล่าสุด Live to 100: Secrets of the Blue Zones
เมื่อปีที่แล้ว Wellness Resort กลายเป็นจุดหมายใหม่เพื่อความ ‘อายุยืน’ ทว่าปีนี้จุดหมายปลายทางเพื่ออายุยืนจะไม่ได้หยุดแค่รีสอร์ตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ หลายคนพบว่าการเจาะเลือดหรือหัตถกรรมทางคลินิกไม่อาจสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพให้กับตัวเองได้ในระยะยาว ปีนี้ผู้คนจะเริ่มละทิ้งกิจกรรมทางคลินิกแล้วหันมาดูแลกายใจผ่านกิจกรรมกลางแจ้งและชุมชนมากขึ้น เช่น แพ็กเกจการเดินป่าระยะยาว หรือแพ็กเกจ Longevity ที่ออกแบบกิจกรรมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
Agrotourism กลับมาได้รับความนิยมและลงลึกกว่าเดิม
ในยุคที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัล ผู้คนซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ต ความเป็นเมืองหล่อหลอมให้เราหลงลืมวิถีการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ยิ่งผนวกกับกระแสความยั่งยืนแบบ Go Local และเลือกบริโภคสินค้าเกษตรจากฟาร์มโดยตรง ทำให้ผู้คนหันมาเชื่อมโยงกับการเกษตร กลับมาดูรากเหง้าของตัวเองมากขึ้น ความสนใจในฟาร์มและทักษะการใช้ชีวิตแบบเก่าถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง
ปี 2025 Agrotourism กลับมาแน่ แต่ไม่ใช่แค่การเที่ยวชมฟาร์มพอถ่ายรูปหอมปากหอมคออีกต่อไป แต่ฟาร์มจะเริ่มเปิดคลาสเวิร์กช็อปแบบลงลึก เอาทักษะในชนบทมาเป็นจุดดึงดูดนักเดินทางยุคใหม่ ผู้ซึ่งไม่เคยสัมผัสประสบการณ์รุ่นพ่อแม่ยังเยาว์ เทรนด์เริ่มเกิดขึ้นแล้วในหลายโรงแรมและฟาร์มต่างๆ เช่น Babylonstoren ที่เปิดตัว Soetmelksvlei ฟาร์มเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะใหม่ พร้อมทั้งมีหลักสูตรการทำฟาร์มให้เรียนรู้ เช่น การรีดนมวัว การตีเหล็ก และงานช่างไม้
แผนท่องเที่ยวทางเลือก ซึ่งเกิดจาก AI
AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ แต่สำหรับเรา ในครั้งนี้ AI คือ Alternative Itineraries หรือแผนการเดินทางทางเลือก เราจะไม่เอ่ยว่าปี 2024 คุณใช้ AI มากน้อยอย่างไร เพราะทุกคนล้วนใช้จนกลมกลืนกับชีวิตประจำวันแล้ว แต่ปีนี้การใช้ AI เพื่อการวางแผนการเดินทางจะเข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แค่ค้นหาข้อมูลอย่างเดียว แต่ยังช่วยคุณจัดตารางการเดินทาง เพื่อสร้างแผนการเดินทางที่ตรงใจและตรงกับตัวเองมากที่สุด
เรือสำราญไม่ใช่เรื่องของคนแก่อีกต่อไป
การเที่ยวเรือสำราญเคยถูกมองว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบคนแก่ น่าเบื่อ ไม่น่าสนใจ ไม่มีอะไรทำ ทว่าในปี 2025 คนรุ่นใหม่จะหันมาเที่ยวเรือสำราญมากขึ้น เพราะมีเส้นทางเรือสำราญเกิดขึ้นใหม่เยอะมาก แถมยังพาพวกเขาแวะไปสำรวจยังสถานที่ห่างไกลของโลก เช่น กรีนแลนด์และปาปัวนิวกินี นอกจากนี้ เรือสำราญยุคใหม่ยังเต็มไปด้วยเครื่องเล่นสนุกๆ ธีมพาร์ก หรือแม้แต่ร้านอาหารระดับดาวมิชลิน ซึ่งหลายคนก็ตกหลุมพรางเทรนด์นี้ไปแล้วกับ Disney Cruise ลำใหม่ ซึ่งเปิดบ้านไปเมื่อปีที่แล้วและเต็มในทันที
เที่ยวรถไฟหรู เพื่อสัมผัสประสบการณ์นอกขบวน
การท่องเที่ยวรถไฟหรูกำลังเข้าสู่ยุคทองอีกครั้ง ในปีนี้มีขบวนที่น่าสนใจหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น Britannic Explorer ของ Belmond และ La Dolce Vita Orient Express ของ Accor ซึ่งแต่ละคนขบวนไม่เพียงนำเสนอขบวนรถไฟหรูหราที่ชวนนั่งปล่อยเวลาทิ้งขว้าง แต่ยังนำเสนอจุดหมายปลายทางที่ไม่เคยให้บริการมาก่อน เช่น La Dolce Vita Orient Express พาเหล่านักเดินทางไปสำรวจเมืองถ้ำโบราณของ Matera พร้อมกับจัดมื้ออาหารกลางวันในถ้ำ หรือพาสำรวจเห็ดทรัฟเฟิลใน Monferrato พร้อมชิมไวน์ที่ไร่องุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO, ขบวน Britannic Explorer ที่เดินทางไปทั่วบริเตนใหญ่ เช่น พาไปชิมไวน์คอร์นิชพร้อมวิวของ St Michael’s Mount หรือพาไปชมทะเลสาบน้ำจืด Derwentwater
Locavore Lounges เลานจ์สายการบินที่ร่วมมือกับโลคัล
เดี๋ยวนี้การแข่งขันของสายการบินไม่เพียงประชันกันเฉพาะเส้นทางการบินและสิ่งอำนวยความสะดวกบนเครื่อง แต่ยังรวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลานจ์ประจำสายการบิน ผู้โดยสารตั้งแต่ชั้นธุรกิจขึ้นไปเริ่มคาดหวังกับคุณภาพของเลานจ์มากขึ้นเรื่อยๆ จากห้องรับรองธรรมดาสู่บริการต่างๆ เช่น ห้องอาบน้ำ ทรีตเมนต์สปา บริการขัดรองเท้า คอลเล็กชันงานศิลปะ
ในปี 2025 สายการบินต่างๆ กำลังยกระดับและปรับปรุงห้องรับรองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่จะเน้นไปที่การร่วมมือกับท้องถิ่น เช่น Qantas ใช้เงินกว่าร้อยล้านดอลลาร์ออสเตรเลียอัปเดตห้องรับรองและเมนูใหม่ โดยร่วมมือกับเชฟดังระดับท้องถิ่นมากขึ้น เช่น เมนูใหม่กับ Neil Perry เชฟดังชาวออสเตรเลีย โดยมีเมนูที่ทำจากมอสซาเรลลาควายในนิวเซาท์เวลส์ เนื้อวากิวออสเตรเลีย และปลาจาก Corner Inlet หรือสายการบิน Cathay Pacific ที่วางแผนเปิดตัวห้องรับรองใหม่ในปักกิ่ง ร่วมมือกับ Rosewood Hong Kong นำอาหารชั้นเลิศจาก The Legacy House ซึ่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ มาให้บริการ นั่นยังไม่รวม Air France ที่ร่วมมือกับ Alain Ducasse, British Airways กับ Hattingley Valley, Union Hand-Roasted Coffee, Twinings และ Johnnie Walker
ภาพ: Courtesy of Brands, Shutterstock
อ้างอิง:
- www.bbc.com/travel/article/20250106-the-seven-travel-trends-that-will-shape-2025
- www.cntraveller.com/article/biggest-travel-trends-for-2025
- www.usatoday.com/story/travel/2025/01/07/vacation-destination-trends/77493066007
- www.booking.com/articles/travelpredictions2025.en-gb.html