มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดผลสำรวจ 10 ธุรกิจ ดาวรุ่ง-ดาวร่วง พบว่าเทรนด์ธุรกิจปีหน้าที่มาแรงสุดคือ การแพทย์และความงาม, อินฟลูเอ็นเซอร์, ผลิตคอนเทนต์, คอนเสิร์ต, ซีรีส์, ขายของออนไลน์, EV, FinTech สวนทาง สิ่งทอ, สิ่งพิมพ์, รถมือสอง ที่เป็นดาวร่วง ชี้ปีหน้าเศรษฐกิจไทยเผชิญหลายปัจจัยเสี่ยง คนไทยยังเป็นหนี้บัตรเครดิต มาตรการกีดกันทางการค้าของทรัมป์ และความไม่แน่นอนของภัยธรรมชาติ
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สรุปปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจจะโตที่ 2.6-3.2% และปี 2568 ยังคงมองว่าเศรษฐกิจยังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีในช่วงไตรมาส 1 แต่สงครามการค้าจะมีความรุนแรงและจะมีผลต่อเนื่องไตรมาส 2
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสงครามตะวันออกกลาง รัสเซีย-ยูเครน ว่าจะคลี่คลายแค่ไหน เพราะมีผลต่อราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลก โดยจะเริ่มเห็นความชัดเจนหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจะสามารถเช็กได้ว่าเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไรในปีหน้า
ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมารัฐเริ่มอัดฉีดเม็ดเงินในปลายปี เช่น 1,000 บาทให้ชาวนาไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และมาตรการ Easy e-Receipt ที่กำลังจะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงกลางเดือนมกราคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์ ประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท มาตรการ คุณสู้ เราช่วย โดยการพักดอกเบี้ย 3 ปี และการจ่ายเงินต้นลดน้อยลง 3 ปี น่าจะเริ่มไตรมาส 1 จะประหยัดดอกเบี้ย 2-2.5 หมื่นล้านบาท ที่จะเกิดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดชื่อยอดจดทะเบียนธุรกิจสูงสุดแห่งปี วิเคราะห์กิจการไหนได้ไปต่อ-เสี่ยงปิดตัว ปี 2568
- ทำไม ‘อินโดนีเซีย’ โตแรงแซงเพื่อนบ้าน แม้ในวันที่สินค้าจีนทะลักอาเซียน
- ชวนวิเคราะห์ เหตุใดสินค้าจีนทะลัก ส่งออกเริ่มหมดแรง แบกเศรษฐกิจไทยไม่ไหว แม้แต่ ‘ข้าวไทย’ ยังเสี่ยงพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งเวียดนามและอินเดีย
- ข่าวโรงงานทยอยปิดตัวไปทีละราย ปีนี้คนไทยตกงานแล้วกว่า 40,000 คน สัญญาณอันตรายกำลังบอกอะไร
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการ 10,000 บาทให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีเม็ดเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท วงเงินรวมทั้งหมดจากมาตรการต่างๆ ประมาณ 1 แสนล้านบาท ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 และส่งสัญญาณไปยังไตรมาส 2 ซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจไทย เริ่มมีสัญญาณกระจายตัวไปทั่วประเทศ แต่ก็ยังมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่เริ่มมีความกังวลในประเด็นการเมืองในประเทศที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุน
“ต้องติดตามว่าตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป การเมืองในประเทศจะนิ่งหรือไม่ เพราะหากการเมืองไม่นิ่งจะมีผลกระทบต่อการพิจารณางบประมาณในปี 2569” ธนวรรธน์กล่าว
อย่างไรก็ดี หากมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองก็จะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เกิดการยุบสภา และการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินที่อาจลากยาวไปใช้ได้จริงปลายปี 2568 ประเด็นนี้จึงสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศว่าจะมีโอกาสขยายตัวมากกว่า 3% ได้หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมี 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การท่องเที่ยว การส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐ หากดำเนินไปด้วยดีจะทำให้เกิดเทรนด์ขาขึ้นที่มีผลกระทบต่อธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 หลายธุรกิจจะได้ไปต่อ
วชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจปัจจัยสนับสนุนต่อ 10 ธุรกิจ ดาวรุ่ง-ดาวร่วง พบว่า ปีนี้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากฟรีวีซ่า พร้อมกับภาครัฐเตรียมเปิดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว ‘Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025’ การเข้ามาลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก เช่น Amazon, Google, Microsoft และ NVIDIA โดยเฉพาะต่างมีแผนลงทุนในอุตสาหกรรม Data Center อุตสาหกรรมเทคโนโลยี Cloud พร้อมกับการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย
รวมถึงไทยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม BRICS ช่วยยกระดับบทบาทของไทยบนเวทีระหว่างประเทศ และยังช่วยหนุนการค้า การลงทุน การเงิน และการผลิตของไทย การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน ปีนี้ปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจไทยคือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะพื้นที่ในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานโลกและความปลอดภัยในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง มีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
โดยเฉพาะปัจจัยในประเทศที่คนส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้บัตรเครดิต ปีหน้าต้องดูทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เช่น นโยบายการขึ้นภาษีและมาตรการกีดกันทางการค้า ความไม่แน่นอนของภัยธรรมชาติมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น และสร้างความเสียหายต่อภาคครัวเรือนและผลผลิตทางการเกษตร
ทั้งนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยและโลก สรุปเทรนด์ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงปี 2568 ดังต่อไปนี้
10 ธุรกิจดาวรุ่งปี 2568
- ▪️ธุรกิจการแพทย์และความงาม, ธุรกิจ Cloud Service, ธุรกิจบริการ Cyber Security
- ▪️Social Media และ Online Entertainment, ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์, ธุรกิจ YouTube, การรีวิวสินค้า, อินฟลูเอ็นเซอร์
- ▪️ธุรกิจ e-Commerce (ธุรกิจที่ซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์), ธุรกิจ Soft Power ไทย โดยเฉพาะซีรีส์ ภาพยนตร์, ธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์
- ▪️งานคอนเสิร์ต, มหกรรมจัดแสดงสินค้า, ธุรกิจอีเวนต์, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ▪️ธุรกิจความเชื่อ (สายมู หมอดู ฮวงจุ้ย), ธุรกิจเงินด่วน, โรงรับจำนำ, ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต
- ▪️ธุรกิจการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวันและการซ่อมแซมอุปกรณ์
- ▪️ธุรกิจให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (ธุรกิจ EV Charging Station) และติดตั้ง, ธุรกิจรถยนต์ EV, ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์ แฟชั่น และดูแลสัตว์
- ▪️ธุรกิจด้านการเงิน ธนาคาร FinTech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี, ธุรกิจตู้ยอดเหรียญเครื่องดื่ม อาหาร และเครื่องสะดวกซัก, ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
- ▪️ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร เช่น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณสื่อสารต่างๆ, ธุรกิจโลจิสติกส์ เดลิเวอรี และคลังสินค้า, ทนายความและตรวจสอบบัญชี, สตรีทฟู้ด, ตลาดนัดกลางคืน
- ▪️ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ที่ไม่มีแอลกอฮอล์), ธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์เซลล์, โรงพยาบาลและคลินิกเกี่ยวกับสัตว์
10 ธุรกิจดาวร่วงปี 2568
- ▪️ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่าซีดีหรือวิดีโอ
- ▪️ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์
- ▪️ธุรกิจคนกลางผลิตและจำหน่ายที่เก็บข้อมูล เช่น ซีดี, ดีวีดี, Thumb Drive, การ์ด และอื่นๆ
- ▪️บริการส่งหนังสือพิมพ์
- ▪️ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- ▪️ธุรกิจถ่ายเอกสาร
- ▪️ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิม ไม่มีการออกแบบดีไซน์
- ▪️ธุรกิจรถยนต์มือสอง
- ▪️ร้านขายเครื่องเล่น
- ▪️ธุรกิจผลิตกระดาษ, ธุรกิจร้านโชห่วย
ภาพ: Halfpoint Images / Getty Images