วานนี้ (22 ธันวาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ สส. พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการจับคู่กระทรวงใหม่ โดยให้แยกกระทรวงการท่องเที่ยวไปรวมกับกระทรวงวัฒนธรรม จากเดิมที่เป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แล้วให้กระทรวงกีฬาเป็นเอกเทศ
พิธากล่าวว่า ต้องถาม สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อปี 2547 ว่าเหตุใดจึงได้คิดแบบนั้น และส่วนตัวคิดว่าเรื่องการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่แนวขวาง แต่เป็นแนวดิ่งลงมาที่ท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นควรที่จะได้บริหารจัดการการท่องเที่ยวด้วยตนเอง อย่างจังหวัดลำพูนและจังหวัดเชียงใหม่รายได้จากการท่องเที่ยวต่างกัน 50% ทั้งที่เมืองอยู่ติดกัน
พิธากล่าวต่อไปว่า อยากเห็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ดูแลการท่องเที่ยวแบบเน้นๆ อย่างประเทศญี่ปุ่น ส่วนกระทรวงที่ควรควบรวมคือกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรม พูดกันมาตั้งแต่ปี 2545 ก็เป็นข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลที่ตอนนี้พยายามจะปฏิรูปราชการอยู่ ว่ากระทรวงที่น่าจะควบรวมก็มีอยู่หลายกระทรวง และไม่ใช่รวมในแนวขวาง แต่ว่าในแนวดิ่งที่ควรจะกระจายมาให้ท้องถิ่น
“คราวนี้แต่ละจังหวัดจะสามารถแข่งขันกันได้ในเรื่องของภาษีการท่องเที่ยว เพื่อดึงคนไปในที่ที่เราอยากจะให้เขาไป เมืองรองอย่างลำพูนก็จะกลายเป็นเมืองต้องลอง เมืองที่การท่องเที่ยวมากและรถติดอย่างเชียงใหม่ ก็จะสามารถแก้ปัญหาจัดการได้” พิธากล่าว
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก สส. เพื่อไทย นำโดย เอกธนัช อินทร์รอด สส. หนองคาย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว พร้อมด้วย อดิศร เพียงเกษ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และ ธีระชัย แสนแก้ว สส. อุดรธานี ร่วมอภิปรายรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหากฎหมายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยกล่าวว่า จากภาพรวมของปัญหาการท่องเที่ยวไทยมีปัญหาด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยว การกระจายอำนาจในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว การกำกับดูแลธุรกิจแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว และปัญหาเฉพาะในแต่ละธุรกิจเฉพาะด้าน
อดิศรเสนอแนวคิดให้แยกกระทรวงการท่องเที่ยวไปรวมอยู่กับกระทรวงวัฒนธรรมเพราะมีเนื้องานในทิศทางเดียวกัน และแยกกระทรวงกีฬาให้เป็นเอกเทศ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการได้อย่างถูกฝาถูกตัว