หุ้นไทยร่วงหลุด 1,400 จุด ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ ส่วนหนึ่งจากความกังวลต่อประเด็นการลงทุนของ CPAXT โบรกประเมินแนวรับ 1,370-1,380 จุด
ความเคลื่อนไหวดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยร่วงแตะ 1,393.94 จุด ลดลงมากสุด 25.78 จุด หรือลดลง 1.7% จากวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนสถาบันที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องมา 9 วัน พลิกกลับมาขายสุทธิ 2 วันติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายต่อเนื่อง รวมขายสุทธิทั้งปี 1.46 แสนล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ปัจจัยกดดันภายในประเทศคงเป็นเรื่องวิกฤตความเชื่อมั่น “ทุกครั้งที่มีเครื่องหมายคำถามจากดีลที่ไม่ปกติ อาจทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะสถาบันถูกกระทบตามไปด้วย”
ตลอดไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยถูกประคองด้วยสภาพคล่องของนักลงทุนสถาบันมาโดยตลอด แต่เมื่อวานนี้ (16 ธันวาคม) นักลงทุนสถาบันกลับมาเป็นฝ่ายขายสุทธิ ซึ่งคาดว่าเป็นการขายในหุ้น CPALL และ CPAXT เป็นหลัก
ณัฐชาตกล่าวต่อว่า คำถามที่ตามมาคือ มูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นไทยอยู่ตรงไหน หากอิงจากกรณีฐาน ระดับดัชนีที่เหมาะสมคือ 1,370 จุด อิงจาก P/E 12.8 เท่า และกำไรต่อหุ้นในปี 2569 ที่ 107 บาท
หนึ่งในปัจจัยที่น่าจะช่วยพยุงหุ้นไทยให้หยุดลงได้คือสภาพคล่องจากกองทุนวายุภักษ์ เพราะหากพิจารณาจาก NAV ของกองทุนในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าไม่ได้ล้อไปกับการเคลื่อนไหวของหุ้นไทย สะท้อนว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่ของกองทุนน่าจะยังอยู่ในตราสารหนี้หรือเงินสดเป็นสำคัญ
“กองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาเป็นตัวรองรับหุ้นไทยเมื่อดัชนีลงมาใกล้ปัจจัยพื้นฐาน”
ส่วนกระแสเงินลงทุนต่างชาติอาจเห็นการไหลกลับมายังตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ซึ่งอาจเป็นจุดที่สินทรัพย์อย่างเงินดอลลาร์ หุ้นสหรัฐฯ และบิทคอยน์ ถูก Sell on Fact
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แรงขายตลาดหุ้นวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะหุ้นไทย แต่หุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างปรับตัวลง สาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และการชะลอการลงทุนเพื่อรอพิจารณาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในสัปดาห์นี้
สำหรับแรงขายของนักลงทุนสถาบันในหุ้น CPALL และ CPAXT เป็นการขายเพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ อาจเป็นแรงขายจากการปิดสถานะที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นส่วนที่เหลือ เพราะ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จะหยุดให้บริการมาร์จิ้นในวันที่ 20 ธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของหุ้นไทยได้ที่แนวรับบริเวณ 1,380 จุด ซึ่งใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
