รัฐสภาเวียดนามลงมติอนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่าสูงถึง 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางโดยรถไฟจากกรุงฮานอยไปยังนครโฮจิมินห์ จากปัจจุบันใช้เวลา 35 ชั่วโมง เหลือเพียง 5 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
กระทรวงคมนาคมเวียดนามเผยว่า การก่อสร้างอาจเริ่มต้นได้ในปี 2027 โดยโครงการนี้ผ่านการศึกษาวิจัยนานถึง 18 ปี ขณะคณะกรรมการรัฐสภาตั้งเป้าว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2035 เส้นทางความยาว 1,500 กิโลเมตรนี้จะวิ่งไปตามแกนหลักของประเทศเกือบทั้งหมด ผ่านสถานี 23 แห่งใน 20 จังหวัดและเมือง ส่วนระยะเวลาคืนทุนจากการลงทุนของภาครัฐจะอยู่ที่ 33.6 ปี
อย่างไรก็ดี ด้วยความยาวของเส้นทางรถไฟจากเหนือสู่ใต้ของประเทศ ส่งผลให้โครงการนี้อาจจำเป็นต้องย้ายผู้อยู่อาศัยราว 120,000 คน รวมถึงอาจกินเข้าไปในพื้นที่ป่าคุ้มครองและทุ่งนาบางส่วน ส่งผลให้ก่อนที่รัฐสภาจะไฟเขียวโครงการนี้มีการอภิปรายกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น มลพิษจากการก่อสร้างและการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งมีสมาชิกรัฐสภาที่ออกมาเรียกร้องให้เวียดนามประเมินผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยและผู้ที่อาศัยในภาคเกษตรกรรมด้วย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ขาดความพร้อมของเวียดนามในปัจจุบันทำให้การส่งสินค้าจากตอนเหนือไปสู่ตอนใต้ของประเทศอาจมีต้นทุนสูงกว่าส่งของไปสิงคโปร์เสียด้วยซ้ำ และพวกเขาหวังว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงอาจช่วยพลิกสถานการณ์ดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
แถลงการณ์ของรัฐสภาระบุว่า นอกจากรถไฟความเร็วสูงจะมีบทบาทในการเชื่อมโยงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแล้ว เส้นทางรถไฟนี้ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง รวมถึงการขนส่งสินค้าเมื่อจำเป็นด้วย โดยเวียดนามจะกู้ยืมเงินไม่เกิน 30% ของงบประมาณทั้งหมดไม่ว่าจะในประเทศหรือผ่านความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคมเผยว่า รถไฟความเร็วสูงจะวิ่งจากนครโฮจิมินห์ไปยังกรุงฮานอยในเวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง จากปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่า 1 วัน นอกจากนี้การเดินทางที่มีราคาประหยัดยังทำให้ผู้คนหลายล้านคนสามารถเดินทางข้ามระหว่าง 2 เมืองใหญ่ที่สุดของเวียดนามได้ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันเวียดนามยังวางแผนที่จะปรับปรุงทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับจีนอีกด้วย โดยเส้นทางรถไฟระยะทาง 427 กิโลเมตรจะวิ่งจากหล่าวกาย (Lao Cai) ผ่านกรุงฮานอยและเมืองท่าไฮฟอง (Haiphong) ซึ่งดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติไปยังเมืองท่องเที่ยวอย่างฮาลอง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2030 ประเมินมูลค่าไว้ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์
ภาพ: ZhangKun Via Getty Images
อ้างอิง: