วานนี้ (29 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่และติดตามสถานการณ์ปัญหาอุทกภัยที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดสงขลา
อนุทินเข้าไปพูดคุยและให้กำลังใจผู้ประสบภัย กลุ่มเปราะบาง และผู้สูงอายุภายในศูนย์พักพิงที่ว่าการอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมมอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค และมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ก่อนจะร่วมประกอบอาหารโรงครัวพระราชทาน เมนูผัดกะเพราไก่ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยและร่วมรับประทานอาหารกล่องกับผู้ประสบภัยอย่างเป็นกันเอง พร้อมย้ำอีกด้วยว่าจะเร่งให้การช่วยเหลือ และเมื่อน้ำลดจะเร่งเยียวยาเพื่อบรรเทาความทุกข์ของประชาชน
อนุทินกล่าวว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เร่งลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งวันนี้ตนและคณะมาด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกคน ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องประกอบกับน้ำทะเลหนุน ทำให้น้ำในพื้นที่ระบายไม่ทัน สร้างความเสียหายกับพี่น้องประชาชนบางพื้นที่ ทางการจึงเร่งให้การช่วยเหลือ เราชนะธรรมชาติอาจยากลำบาก แต่เราต้องเอาชนะการทำงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่า ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ โดยทางจังหวัดและอำเภอจัดให้มีศูนย์พักพิงและพาครอบครัวผู้ประสบภัยมาอยู่ที่นี่ซึ่งมีความปลอดภัยกว่า และการช่วยเหลือฟื้นฟูสถานการณ์ก็จะมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
อนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญคือขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชน เราทุกคนพยายามเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อมาดูแลให้พี่น้องทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และจะได้เร่งสำรวจเพื่อนำเสนอ ครม. จัดสรรงบประมาณรายครัวเรือนเร่งด่วน ซึ่งปีนี้ให้การช่วยเหลือในอัตราสูงสุดครัวเรือนละ 9,000 บาท เพื่อบรรเทาในเบื้องต้น และเรื่องอาหารก็จะต้องไม่ให้ขาด มีครบทุก 3 มื้ออย่างมีคุณภาพ
จากนั้นเดินทางไปวัดนาทวี ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเกิดจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน นอกจากนั้นยังมีเรื่องของน้ำทะเลหนุนซ้ำเติมสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัญหาจะคลี่คลายตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้มีความสลับซับซ้อนน้อยกว่าในพื้นที่ภาคเหนือ
เนื่องจากเป็นเรื่องของปริมาณน้ำฝน แต่ไม่มีปัญหาของน้ำไหลหลากจากภูเขาเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ เมื่อฝนหยุดตกทุกอย่างจะดีขึ้น แต่สิ่งที่ต้องเร่งทำ ณ ขณะนี้คือการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนและเร่งเยียวยาให้ได้เร็วที่สุดตามเกณฑ์ปัจจุบันคือ 9,000 บาทต่อครัวเรือน ต้องไปดูว่าครัวเรือนไหนเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการจ่ายชดเชยเยียวยาบ้าง จะปล่อยให้ประชาชนรอนานไม่ได้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะได้รับการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะมีประสบการณ์มาแล้วจากปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานก่อนหน้านี้
นอกจากนั้นยังย้ำไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยให้ดูแลศูนย์พักพิงให้ได้มาตรฐาน ต้องมีสิ่งของจำเป็นครบ หากพบชาวบ้านมีอาการเจ็บป่วยต้องเข้าไปดูแลรักษาไปจนถึงการส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอย่างทันท่วงที อาหารการกินด้านในต้องถูกสุขอนามัย ท่านผู้ว่ารับทราบนโยบายแล้ว ทุกท่านมุ่งมั่นในการเร่งแก้ไขปัญหาของประชาชน