สื่อต่างประเทศรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า ทีมงานว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดเจรจาโดยตรงกับ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยหวังว่ายุทธศาสตร์ทางการทูตครั้งใหม่นี้จะช่วยลดความเสี่ยงของความขัดแย้งทางการทหารได้
สมาชิกทีมงานของทรัมป์มองว่าการเข้าหาคิมจองอึนโดยตรงอาจเป็นวิธีการเดียวที่สามารถสร้างความคืบหน้า หลังจากที่ทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างวาระแรกของทรัมป์ โดยครั้งนั้นทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนจดหมายที่ทรัมป์เคยเรียกว่า ‘จดหมายที่สวยงาม’ แม้ความพยายามเหล่านั้นจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ในช่วงการเป็นประธานาธิบดีระหว่างปี 2017-2021 ทรัมป์เคยพบกับคิมจองอึน 3 ครั้ง ที่สิงคโปร์ ฮานอย และเขตปลอดทหารชายแดนเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ (Korean Demilitarized Zone: DMZ) แต่การประชุมเหล่านั้นไม่สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรมได้ โดยสหรัฐฯ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ แต่เกาหลีเหนือกลับต้องการให้ยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด
ทรัมป์จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม 2025 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี เช่นเดียวกับในปี 2017 โดยเกาหลีเหนือมีการพัฒนาคลังแสงนิวเคลียร์และขีปนาวุธเพิ่มขึ้น รวมถึงมีความร่วมมือใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น ทำให้ความกังวลของกรุงวอชิงตันเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นการแบ่งปันเทคโนโลยีนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ และการส่งทหารเกาหลีเหนือไปร่วมรบในยูเครน
รายงานจากนักวิจัยในสหรัฐฯ ชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังขยายโรงงานผลิตอาวุธสำคัญที่ใช้ประกอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ซึ่งรัสเซียใช้ในยูเครน นอกจากนี้ความร่วมมือระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือยังเพิ่มความเสี่ยงทำให้ความขัดแย้งในยุโรปหรือเอเชียขยายวง โดยอาจดึงชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วย
ขณะเดียวกัน จีนอาจจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในการพบปะกันครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ไบเดนได้เรียกร้องให้จีนใช้ความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือเพื่อลดความตึงเครียด อย่างไรก็ตาม โอกาสที่สหรัฐฯ และจีนจะร่วมมือกันอาจมีจำกัด เนื่องจากทรัมป์ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน เช่น การวางแผนเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าจีน และการแต่งตั้งบุคคลสำคัญที่มีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน เช่น มาร์โก รูบิโอ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ไมค์ วอลซ์ เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
ภาพ: Kevin Lamarque / TPX IMAGES OF THE DAY / File Photo / Reuters
อ้างอิง: