หน่วยงาน ภาษี ระดับท้องถิ่นใน จีน เดินหน้าปราบปรามการเลี่ยงภาษีในกลุ่มอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ไลฟ์ขายของ ท่ามกลางรายได้จากภาษีที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การตรวจสอบภาษีจะเข้มงวดขึ้นในอนาคต
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักงานบริหารภาษีแห่งรัฐของจีนประกาศกรณีการเลี่ยงภาษี 3 กรณีที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2020-2023 โดยมีการปรับเงินจำนวนมาก
ตัวอย่างเช่นในมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน อินฟลูเอ็นเซอร์รายหนึ่งถูกปรับเป็นเงิน 14.31 ล้านหยวน (ประมาณ 68.52 ล้านบาท) จากการหลบเลี่ยงภาษีมูลค่า 8.05 ล้านหยวน (ประมาณ 38.55 ล้านบาท)
ส่วนในมณฑลเหลียวหนิงทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ต้องหารายหนึ่งถูกปรับเป็นจำนวนเงินเกือบ 2 เท่าของภาษีที่ค้างชำระ 7.35 ล้านหยวน (ประมาณ 35.20 ล้านบาท) และในมณฑลเจ้อเจียงทางภาคตะวันออก ผู้ดำเนินรายการไลฟ์สตรีมมิ่งถูกปรับเป็นเงิน 2.47 ล้านหยวน (ประมาณ 11.83 ล้านบาท) จากการกระทำผิดด้านภาษี
หน่วยงานกำกับดูแลภาษียืนยันที่จะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ แต่จะไม่ยอมให้มีการเลี่ยงภาษี “ในฐานะบุคคลสาธารณะ อินฟลูเอ็นเซอร์มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และควรเป็นแบบอย่างที่ดี”
ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นเผชิญกับรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อินฟลูเอ็นเซอร์กลับทำเงินได้มหาศาล แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกปรับหนักหากเลี่ยงภาษี
Peng Peng ประธานบริหาร Guangdong Society of Reform กล่าวว่า “รัฐบาลท้องถิ่นอาจเพิ่มการปราบปรามการเลี่ยงภาษี เศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้ธุรกิจเลี่ยงภาษีมากขึ้น และรัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องแก้ปัญหารายได้ที่ขาดดุล”
ในปี 2021 Viya อินฟลูเอ็นเซอร์อีคอมเมิร์ซชื่อดัง ถูกปรับ 1.34 พันล้านหยวน (ประมาณ 6.42 พันล้านบาท) ฐานเลี่ยงภาษี ซึ่งทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามเกี่ยวกับรายได้ที่สูงเกินจริง และการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมในอุตสาหกรรมไลฟ์
Peng กล่าวว่า การเก็บภาษีอินฟลูเอ็นเซอร์ในจีนยังคงเป็นพื้นที่สีเทา เนื่องจากขาดกฎหมายภาษีที่ครอบคลุมสำหรับธุรกิจใหม่ๆ เช่น การไลฟ์
รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเผชิญกับแรงกดดันทางการเงินจากรายได้ที่ดินและภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดลง ข้อมูลจากกระทรวงการคลังระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ รัฐบาลท้องถิ่นจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.04 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิน 1 ล้านล้านหยวนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้
อ้างอิง: