วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ครั้งที่ 4/2567 โดยกล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้ได้หารือกรอบแนวทางการแก้ไขการทำงานต่อเนื่อง เรื่องดินถล่มและอุทกภัยที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายถือเป็นสถานการณ์อุทกภัยที่หนักมากในรอบหลายสิบปี ซึ่งขณะนี้สภาพอากาศทางภาคเหนือไม่มีฝน แต่ในส่วนของภาคใต้จากที่ได้รับรายงานยังมีพายุฝนมากกว่าปกติ
ดังนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุทกภัยรุนแรง พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานกองทัพให้ความช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ขอบคุณฝ่ายพลเรือน กองทัพ หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และมูลนิธิต่างๆ ที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งความสามัคคีที่ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว และประชาชนมีความอุ่นใจในการได้รับความช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย
โดยที่ประชุมพิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญถึงแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ ดังนี้
- รับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ
- รับทราบสรุปผลการประชุมและผลการดำเนินงานภายใต้คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)
- รับทราบรายงานการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567
- เห็นชอบการดำเนินงานของคณะทำงานศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ
- เห็นชอบหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การศึกษา เครื่องแบบ ตลอดจนซ่อมแซมสถานศึกษา และให้กระทรวงศึกษาธิการหารือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อหาข้อสรุปเรื่องความซ้ำซ้อนในการเบิกจ่ายงบประมาณก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
- เห็นชอบแผนการดำเนินงานการขุดลอกเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในแม่น้ำระหว่างประเทศ (ไทย-เมียนมา)
ภายหลังการประชุม ภูมิธรรมกล่าวว่า จะนำข้อสรุปแผนรองรับสถานการณ์อุทกภัยในปี 2568 เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคณะทำงานเห็นชอบในหลักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงงานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาเยียวยาให้ได้ภายในเดือนธันวาคม และวางแผนการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ฤดูฝน ซึ่งจะต้องทำงานให้เต็มที่ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงการขุดลอกลำน้ำคูคลองแม่น้ำปิงและแม่น้ำกกว่า มอบหมายให้หน่วยทหารพัฒนารับผิดชอบเข้าไปขุดลอกเป็นหน่วยปฏิบัติการ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องเคลียร์ปัญหาเรื่องพื้นที่รุกล้ำ เวนคืน และต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่
ส่วนแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ จะต้องพูดคุยกับประเทศเมียนมา ซึ่งกองบัญชาการทหารสูงสุดได้รับมอบหมายให้ดำเนินการพูดคุยกับประเทศเมียนมาเรียบร้อยแล้ว โดยประเทศเมียนมายินดีให้ดำเนินการขุดลอกพื้นที่ร่วมกัน ทั้งนี้ มีการตกลงกันเบื้องต้นแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการในข้อกฎหมายระหว่างประเทศให้เสร็จสิ้น
ส่วนการบุกรุกลำน้ำมอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย และจังหวัด รับผิดชอบดำเนินการเคลียร์พื้นที่ โดยเฉพาะแม่น้ำสายที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่บุกรุกจนทำให้เหลือทางน้ำไหลผ่านน้อยลง ทั้งนี้ จะต้องหาทางออกให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้